การทำบัตรเครดิตเป็นความต้องการของคนวัยทำงานรุ่นใหม่หลายๆคน เพราะสามารถใช้รูดซื้อของได้อย่างสะดวกทันใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการช็อปปิ้งออนไลน์ที่ได้รับความนิยมมากในปัจจุบัน แถมยังมีโอกาสได้แลกแต้มบัตรเครดิตเป็นของรางวัลเจ๋งๆอีกเพียบด้วย
แต่ช้าก่อน! อย่าเพิ่งรีบร้อนสมัครไป มาดูข้อควรรู้ต่างๆเกี่ยวกับบัตรเครดิตก่อน ทำไปแล้วใช้ไปแล้วจะได้ไม่ต้องมานั่งกุมขมับทีหลัง
1. ต้องมีรายได้ที่แน่นอนก่อน
อันนี้สำคัญมาก เพราะถ้าคุณมีรายได้ไม่สม่ำเสมอ มีเงินเวียนเข้าบัญชีไม่สม่ำเสมอ หรือมีเงินในบัญชีน้อยเกินไป ธนาคารก็จะไม่อนุมัติให้คุณทำบัตร เพราะคิดว่าทำไปแล้วคุณอาจไม่สามารถรับผิดชอบจ่ายค่าบัตรเครดิตได้นั่นเอง และถ้าเผื่อคุณไม่รู้ เวลาจะยื่นเรื่องทำบัตรเครดิต ธนาคารสามารถตรวจ statement ของคุณย้อนหลังได้ถึงครึ่งปีเลยทีเดียว
ดังนั้นก่อนจะทำต้องเตรียมตัวให้พร้อม ต้องมีรายได้ที่มั่นคงก่อน และต้องขยันเก็บเงินในระดับนึงด้วย พยายามสะสมเงินไว้ในบัญชีธนาคารให้เยอะที่สุด ไม่ต้องรีบ รอให้พร้อมจริงๆแล้วค่อยทำ
2. เตรียมสลิปเงินเดือน หรือหลักฐานแสดงรายได้ให้พร้อม
สำหรับมนุษย์เงินเดือนอาจไม่ยาก เพราะแค่มีสลิปเงินเดือนก็ไปยื่นเรื่องกับธนาคารได้เลย แต่สำหรับคนทำงานอิสระก็ต้องมีเอกสารเยอะหน่อย ในเมื่อไม่มีสลิปเงินเดือน ก็ต้องรวบรวมเอกสารต่างๆที่จะใช้เป็นหลักฐานยืนยันในอาชีพและรายได้ที่มั่นคงได้ เช่น สำเนาหนังสือจดทะเบียนธุรกิจ statement ฯลฯ สามารถปรึกษาธนาคารก่อนได้ว่าต้องใช้เอกสารอะไรบ้าง ถ้าไม่แน่ใจจริงๆ
3. ถ้าโดนขึ้นแบล็คลิสต์มาก่อน ไม่ต้องคิดทำ
โดนขึ้นแบล็คลิสต์ในที่นี้หมายความว่าคุณมีประวัติทางการเงินที่ไม่ดี เช่น กู้เงินแล้วไม่คืน โดนยึดทรัพย์ โดนฟ้อง ฯลฯ จนถูกเครดิตบูโรบันทึกเอาไว้ ซึ่งแน่นอนว่าเวลาคุณไปยื่นสมัครบัตรเครดิต ธนาคารสามารถตรวจประวัติเจอได้ง่ายแค่ปลายนิ้ว เพราะฉะนั้น ถ้าคุณรู้ตัวว่าโดนขึ้นแบล็คลิสต์ ขอให้ตัดใจจากบัตรเครดิตเสีย เพราะโอกาสที่ยื่นเรื่องผ่านนั้น 1 ในล้าน
4. ดูเงื่อนไขของบัตรเครดิตหลายๆธนาคาร เอามาเปรียบเทียบกันก่อน ไม่ต้องรีบร้อน
แต่ละธนาคารอาจจะมีเงื่อนไขบัตรเครดิตที่แตกต่างกันไป คุณควรศึกษาให้เข้าใจก่อนหลายๆที่ นำมาเปรียบเทียบกัน ว่าเงื่อนไขแบบไหนที่คุณรับได้มากที่สุด ก็ให้เลือกทำกับธนาคารนั้น
ถ้าไม่ศึกษาให้ดี แล้วหุนหันพลันแล่นทำไป อาจเจอเงื่อนไขที่รับไม่ได้ทีหลังแล้วเกิดปัญหาได้
5. บัตรเครดิตคือการกู้เงินประเภทหนึ่ง
ถึงแม้ว่าคุณจะไม่ได้กู้เงินออกมาเป็นปึกๆก็ตาม แต่บัตรเครดิตก็คือการที่ธนาคารออกเงินให้คุณก่อนเวลาที่คุณจะซื้อสินค้าหรือบริการ แล้วพอถึงสิ้นเดือนคุณต้องจ่ายคืนทั้งหมด ดังนั้นถ้าจะทำ คุณต้องมั่นใจว่าตัวเองจะมีวินัยในการใช้จ่ายเป็นอย่างดี รู้จักประมาณตนว่าควรใช้เท่าไหร่ และต้องกันเงินไว้ใช้จ่ายหนี้ตอนสิ้นเดือนด้วย ไม่ใช่สักแต่ว่ารูดบัตรเอาๆ อยากได้อะไรก็รูดไปไม่เลือก รูดจนไม่รู้ตัวว่าใช้ไปเท่าไหร่แล้ว รู้ตัวอีกทีก็เป็นหนี้บัตรเครดิตท่วมหัว หวิดจะถูกยึดทรัพย์
6. อย่าสมัครแค่เพราะว่าอยากแลกแต้ม
คุณควรสมัครก็ต่อเมื่อจำเป็นต้องใข้บัตรเครดิตจริงๆเท่านั้น อย่าแค่อยากแลกแต้ม เพราะถ้าจะแลกแต้ม คุณก็ต้องรูดบัตรมากๆ ยิ่งถ้าของรางวัลเป็นของดีของแพง ก็ยิ่งต้องรูดเยอะมาก สุดท้ายแล้วคุณก็จะเพิ่มภาระค่าใช้จ่ายให้กับตัวเองแบบไม่รู้ตัว เลยกลายเป็นว่าใช้เงินรูดบัตรเป็นมูลค่าสูงมากกว่าราคาของของรางวัลเสียอีก
พอได้บัตรมาแล้ว ควรใช้ยังไงให้ปลอดภัย?
1. เก็บบัตรไว้กับตัวให้ดี
ควรเก็บไว้ในกระเป๋าสตางค์ให้มิดชิด หรือกระเป๋าสำหรับเก็บบัตรโดยเฉพาะ เพราะถ้าบัตรหล่นหายไปแล้ว มิจฉาชีพที่เก็บได้อาจเอาบัตรคุณไปรูดซื้ออะไรสารพัด หรือแฮ็คข้อมูลคุณแล้วเอาไปทำธุรกรรมออนไลน์ จนสร้างหนี้ให้คุณได้มากมายมหาศาล
นอกจากนี้อย่าฝากบัตรเครดิตไว้กับใคร และอย่าวางกระเป๋าที่มีบัตรเครดิตอยู่ข้างในไว้พ้นสายตาเด็ดขาด อย่าลืมว่าเรื่องเงินไม่เข้าใครออกใคร ดังนั้นอย่าไว้ใจใครง่ายๆ
2. เก็บรหัส CVV ไว้เป็นความลับ
รหัส CVV คือเลขสามหลักที่อยู่หลังบัตร มีไว้ใช้สำหรับยืนยันตนเวลาทำธุรกรรมออนไลน์ เช่น ซื้อของ เป็นต้น ซึ่งถ้าไม่ป้อนรหัส CVV เข้าไป การทำธุรกรรมก็จะไม่สมบูรณ์
ดังนั้นคุณควรจดรหัส CVV แยกไว้ในมือถือหรือสมุด จากนั้นขีดฆ่าหรือขีดทับเลขจริงที่หลังบัตรด้วยปากกาชนิดลบไม่ออก เพื่อป้องกันไม่ให้มิจฉาชีพมาโจรกรรมบัตรคุณได้
3. อย่าบอกเลขบัตรเครดิตกับใครมั่วซั่ว
จริงอยู่ที่เวลาซื้อของออนไลน์ด้วยบัตรเครดิต คุณก็ต้องแจ้งเลขบัตรกับผู้ขายไป เป็นเรื่องที่เลี่ยงไม่ได้ เพราะฉะนั้นคุณต้องเลือกซื้อจากร้านที่ไว้ใจได้เท่านั้น เช็คให้ดี ลองดูว่ามีรีวิวจากลูกค้าจริงบ้างหรือไม่ มีอะไรที่สามารถยืนยันตัวผู้ขายได้บ้าง เป็นต้น ถ้าดูไม่ดี คุณอาจโดนดูดข้อมูลไปใช้ทำอะไรไม่ดีได้ง่ายๆ