ไม่มีเจ้าของรถยนต์คันไหนอยากให้รถของตัวเองเสื่อมสภาพเร็วและไม่รักรถของตัวเองใช่ไหมล่ะ? เพราะนอกจากรถยนต์จะเป็นยานหนะที่ใช้เดินทางไปไหนต่อไหนได้แล้ว รถยนต์ยังเป็นของรักของหวงและเป็นของสะสมของใครหลายคนอีกด้วยล่ะ วันนี้เราเลยมีวิธีการ ตรวจเช็คสภาพรถ ที่คุณเองก็สามารถทำได้ที่บ้านมาฝากให้เจ้าของรถได้ทราบกัน
ทำไมต้อง ตรวจเช็คสภาพรถ ?
คนที่ขับรถจะรู้ดีว่าเมื่อถึงเวลานั้นจะต้องนำรถไป ตรวจเช็คสภาพรถ อยู่ตลอดเป็นประจำในทุกๆ ปี นั่นก็เพื่อให้เจ้าของรถสามารถทราบถึงประสิทธิภาพในการทำงานของเครื่องยนต์และอุปกรณ์ของรถยนต์ว่ายังทำงานได้ดีอยู่หรือเปล่า เพราะในแต่ละปีนั้นรถยนต์จะมีการเสื่อมสภาพลง ซึ่งอาจมีอุปกรณ์หรือเครื่องนต์บางชิ้นต้องได้รับการเปลี่ยนเพื่อให้สามารถรถยนต์คันนั้นยังสามารถใช้งานต่อไปได้ อีกทั้งการเปลี่ยนส่วนประกอของรถยนต์ที่ไม่พร้อมใช้งานออกไปนั้นยังช่วยเป็นการยืดระยะเวลาการทำงานของรถยนต์ให้นานขึ้นได้อีกด้วย ฉะนั้นเจ้าของรถยนต์ควรมีการ ตรวจเช็คสภาพรถ อยู่เป็นประจำอยู่เสมอ
- สัญญาณไฟ คุณสามารถเช็คสัญญาณไฟได้โดยง่าย ซึ่งคนที่ขับรถนั้นอาจจะไม่ทราบว่าสัญญาณไฟของตัวเองยังดีอยู่หรือเปล่า โดยให้คุณสังเกตจากการสตาร์ทเครื่องยนต์แล้วลองเปิดไฟทุกดวงแล้วให้ดูว่าเวลาเปิดไฟแต่ละดวงนั้นมีดวงไหนบ้างที่ไม่ทำงาน หากดวงไหนไม่ทำงานก็สามารถหาหลอดไฟดวงใหม่มาเปลี่ยนได้จากร้านซ่อมรถยนต์หรือร้านอุปกรณ์รถยนต์ได้
- น้ำมันเครื่อง การปล่อยให้น้ำมันเครื่องแห้งนั้นอาจทำให้เครื่องยนต์ของคุณพังได้ วิธีการง่ายๆ ในการตรวจเช็คน้ำมันเครื่องนั่นก็คือการดึงก้านน้ำมันเครื่องในระหว่างที่มีอุณหภูมิปกติและเป็นช่วงที่เครื่องยนต์กำลังทำงานอยู่ จากนั้นให้คุณดับเครื่องยนต์สัก 5 นาทีก่อน แล้วเช็ดทำความสะอาดก้านน้ำมันที่มีน้ำมันติดอยู่และจุ่มกลับเข้าไปใหม่อีกครั้งและดึงก้านน้ำมันที่จุ่มลงไปออกมา โดยให้คุณสังเกตดูว่าระดับน้ำมันเครื่องนั้นเหลืออยู่เท่าไหร่ โดยปกติแล้วควรอยู่ที่จุด F ซึ่งเป็นจุดที่น้ำมันเครื่องเต็มพร้อมใช้งานได้
- ระบบแอร์ ถ้าไม่มีแอร์ก็อาจจะไม่ใช่เรื่องที่ดีแน่ เพราะในการขับรถไปไหนมาไหนแต่ละครั้งมีความจำเป็นมากที่จะต้องใช้แอร์ช่วยให้คุณอยู่ห่างจากความร้อนของท้องถนน ซึ่งการตรวจเช็คระบบแอร์นั้นคุณจะต้องเช็คโดยการเปิดฝากระโปรงรถยนต์ออกมาแล้วสังเกตน้ำยาแอร์จากช่องที่เป็นกระจกใสที่อยู่บริเวณแผงระบายความร้อน หากมีฟองอากาศอยู่นั่นหมายความว่าคุณควรเติมน้ำยาแอร์เพื่อให้รถสามารถผลิตอากาศเข้าตัวรถได้ง่ายมากขึ้น โดยน้ำยาแอร์ควรอยู่ในปริมาณที่พอดีไม่มากไม่น้อยเกินไป
- น้ำมันเกียร์อัตโนมัติ รถหลายคันนั้นในปัจจุบันรถระบบเป็นเกียร์อัตโนมัติ ซึ่งเจ้าของที่มีรถยนต์เกียร์อัตโนมัตินั้นสามารถตรวจสอบได้ด้วยวิธีที่ง่ายเช่นกันนั่นก็คือให้คุณจอดรถบนพื้นถนนที่เรียบไม่เอียงแล้วปลดเกียร์ P ไปที่ตำแหน่งเกียร์ R ทิ้งไว้ 5 วินาที แล้วจึงเลื่อนเกียร์แต่ละเกียร์ลงมาค้างไว้ที่เกียร์ละ 5 วินาที แล้วปลดเกียร์ไปที่ตำแหน่ง P เหมือนเดิม เสร็จแล้วให้คุณไปเปิดฝากระโปรงรถและดึงก้านน้ำมันเกียร์อัตโนมัติออกมาดู โดยตำแหน่งของน้ำมันเกียร์นั้นควรอยู่ที่จุด H
- ยางรถยนต์ การ ตรวจเช็คสภาพรถ ที่ง่ายที่สุดนั่นคือการตรวจยางรถยนต์นั่นเอง เพราะยางรถยนต์เป็นส่วนที่ไม่ต้องเปิดกระโปรงรถเพื่อเช็คสภาพ ซึ่งวิธีการเช็คนั่นก็คือให้คุณหมั่นเติมยางรถยนต์ให้อยู่ในอัตราที่มีความสม่ำเสมอ อย่าให้ยางรถยนต์ของล้อใดล้อหนึ่งไม่เท่ากับล้ออื่น โดยยางรถยนต์ที่ดีนั้นไม่ควรมีลมมากเกินไปเพราะจะทำให้ยางระเบิดได้หรือหากยางรถยนต์มีลมน้อยเกินไปเพราะจะทำให้ส่งผลต่อสมรรถนะของการขับขี่ได้ เช่น ทำให้เปลืองน้ำมันหรือทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ หากเมื่อไหร่ที่คุณเห็นว่ายางรถยนต์ไม่ปกติหรือควรได้รับการเปลี่ยนนั้นควรหาช่างมาช่วยแก้ไขทันที
- แบตเตอรี่ อย่างที่เราทราบกันดีกว่าโดยปกติแล้วจะมีอยู่ 2 ประเภท นั่นก็คือ แบตเตอรี่น้ำกับแบตเตอรี่แห้ง โดยวิธีการตรวจเช็คนั่นก็คือให้คุณสังเกตปริมาณน้ำของแบตเตอรี่อยู่เป็นประจำ โดยให้เติมน้ำกลั่นที่ตัวแบตเตอรี่อย่าให้แห้ง เพราะจะทำให้เครื่องยนต์พังได้ สำหรับแบตเตอรี่แห้งนั้นมีวิธีสังเกตง่ายๆ นั่นก็คือให้คุณสังเกตเวลาสตาร์ทรถ หากสตาร์ทรถไม่ค่อยติดนั่นหมายความว่าถึงเวลาที่คุณจะต้องเปลี่ยนแบตเตอรี่แห้งแล้วล่ะ
- น้ำมันเบรก การตรวจสอบน้ำมันเบรกนั้นไม่ได้มีความยากอะไรเลย เพียงแค่คุณสังเกตตำแหน่งของน้ำมันให้อยู่ระหว่างตำแหน่ง Min และตำแหน่ง Max โดยไม่ให้มากไปหรือน้อยกว่านี้ เพราะหากอยู่ในตำแหน่ง Min นั่นหมายความว่าน้ำมันเบรกของคุณอยู่ในระดับต่ำ หรือหากมากเกินไปจะอยู่ในตำแหน่ง Max ซึ่งไม่ได้เป็นตำแหน่งที่พอดีและอาจทำให้มีปัญหาเวลาเหยียบเบรกนั่นเอง หากตำแหน่งของน้ำมันเบรกอยู่ในตำแหน่งที่ไม่พอดีแล้วล่ะก็คุณควรปรึกษาช่างเพื่อทำการแก้ไขเพื่อ ตรวจเช็คสภาพรถ โดยด่วน
การตรวจเช็คสภาพรถ นั้นไม่ได้ยากอย่างที่คุณคิด หากคุณเป็นเจ้าของรถยนต์ถือว่าก็เป็นหน้าที่ของคุณที่จะต้องดูแลรถยนต์ของตัวเองให้ดีและทางที่ดีคุณควรมีอุปกรณ์ซ่อมรถหรืออะไหล่ติดรถเอาไว้บ้างเพื่อให้สามารถซ่อมรถหรือเปลี่ยนชิ้นส่วนที่พังไปได้ด้วยตัวเองในยามฉุกเฉินโดยไม่ต้องพึ่งพาช่างซ่อมให้เสียเวลา สามารถติดตามบทความเพิ่มเติมได้ ที่นี่..