ดอกยาง

ดอกยาง มีอะไรมากกว่าที่คิด

ยางรถยนต์ นับเป็นองค์ประกอบส่วนหนึ่งที่สำคัญกับรถยนต์ เพราะหากไม่มียางรถยนต์แล้วรถก็ไม่สามารถขับเคลื่อนได้และยังคงมีหลาย ๆ คนที่ยังไม่รู้จักว่าภายใต้ตัวหนังสือที่อยู่ข้างแก้มยางนั้นมีความหมายว่าอย่างไร บางคนอาจจะรู้แค่รถยนต์ที่ใช้งานใส่ล้อขนาด 17 นิ้ว 18 นิ้ว แต่ไม่รู้ว่าเวลาเปลี่ยนยางต้องใส่ยางเบอร์อะไร ใส่แล้วเหมาะสมกับรถหรือไม่ ดอกยาง ที่ใช้เป็นแบบไหน เป็นต้น

หากกล่าวถึงยางรถยนต์คงหนีไม่พ้นเรื่องของลวดลายของยาง เพราะหลายคนอาจสงสัยว่าเหตุไฉนทำไมรถที่ใช้อยู่ถึงใส่ยางแบบนั้นไม่ได้ ลายสวย ๆ แบบนี้ไม่เหมาะได้อย่างไรหรือใส่แล้วรถวิ่งเสียงดังจัง นั่นจึงเป็นเหตุให้ได้มาศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับยางรถยนต์กัน

ประเภทของยางรถยนต์

ยางรถยนต์มีหลายประเภทขึ้นกับประเภทของรถและผู้ใช้งาน ซึ่งสิ่งที่ใช้ในการแบ่งประเภทของยางคือ ดอกยาง ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น เพราะรูปแบบลวดลายของยางคือตัวบ่งบอกถึงสมรรถนะและสภาพของพื้นผิวของถนนที่ผู้ใช้รถจะต้องพิจารณาเลือกใช้งาน หากเลือกยางผิดแบบผิดประเภทก็จะทำให้มีปัญหาตามมาในภายหลังหรือไม่สามารถใช้งานได้เลย จึงทำให้สิ้นเปลืองเงินโดยเปล่าประโยชน์ เช่น คนใช้รถเก๋งแต่เลือกลายยางแบบรถกระบะล่องลึกก็จะทำให้รถวิ่งมีเสียงดัง เป็นต้น

ยางรถยนต์สำหรับรถเก๋ง

คือยางที่เหมาะกับการใช้งานทั่วไปบรรทุกหนักไม่ได้ ลวดลายของล้อยางมีความละเอียดและนิ่มนวลยึดเกาะถนนได้ดีทั้งในสภาพถนนแห้งและถนนเปียกน้ำที่สามารถรีดน้ำออกได้ดี เสียงไม่ดัง คุณภาพของการยึดเกาะและประสิทธิภาพการรีดน้ำขึ้นกับลวดลายของยางของแต่ละบริษัทผู้ผลิต

ยางรถกระบะและรถอเนกประสงค์

ยางที่ใช้สำหรับบรรทุกหนักและวิ่งในทุกสภาวะของถนนจะมีทั้งทางเรียบ ทางขรุขระและสำหรับออฟโรดที่ใช้ลุยเข้าป่าที่เป็นระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ สามารถแยกตามชนิดของสภาพถนนได้ดังนี้

  • ยาง HT หรือยาง Highway Terrain เป็นยางสำหรับรถกระบะทั่วไปบรรทุกไม่หนัก ส่วนใหญ่ใช้วิ่งบนถนนหลวงหรือถนนปกติทั่วไป รวมถึงรถอเนกประสงค์ทั่ว ๆ ไปก็สามารถใช้งานได้ดี มีความนิ่มนวล เสียงดังไม่มาก ทำความเร็วได้ แต่ไม่สามารถใช้งานในการปีนป่ายได้
  • ยาง AT หรือ All Terrain เป็นยางที่เหมาะกับรถที่ใช้วิ่งบนถนนลูกรัง ดอกยาง หนาโตและแข็งแรง นิยมใช้ในหมู่รถประเภทขับเคลื่อน 4 ล้อหรือ 4X4 เป็นอย่างมาก อีกทั้งยังสามารถวิ่งบนถนนปกติได้ดีไม่แพ้กัน เพียงแต่มีเสียงดังมากกว่ายาง HT
  • ยาง MT Mud Terrain หรือยางสำหรับบรรดารถโฟวิล 4X4 ที่ใช้ในการลุยป่า มีล่องยางที่ลึก แข็งแรง สามารถตะกุยดินหรือปีนเขาได้ดี เหมาะสำหรับรถที่วิ่งในป่าหรือท่องเที่ยวในป่าแบบหมู่คณะ ลุยทุกสภาพถนน หากแต่เมื่อนำมาวิ่งบนถนนปกติ จะมีเสียงที่ดังมาก ๆ และไม่เหมาะกับการวิ่งด้วยความเร็วสูงอีกด้วย เพราะจะทำให้การยึดเกาะถนนไม่มีประสิทธิภาพ มีโอกาสพลิกคว่ำได้ง่าย

ตัวเลขบนขอบยางบอกอะไรได้บ้าง?

เมื่อรถต้องถึงกำหนดการเปลี่ยนยาง เพราะของเดิมเริ่มมีปัญหา ดอกยาง สึกและเสื่อมสภาพจากการใช้งานหรือหมดอายุซึ่งนับจากสัปดาห์ที่ผลิตยางออกมาซึ่งปกติจะมีอายุ 3-4 ปีโดยประมาณ แล้วเจ้าของรถจะรู้ได้อย่างไรว่ายางหมดอายุ ? นั่นคือสิ่งที่จะบอกต่อไปนี้ ที่เหล่าบรรดานักขับรถทั้งหลายต้องรู้ด้วยว่ายางรถยนต์ที่รถตนเองใช้งานอยู่คือยางอะไร

ยกตัวอย่าง  265/65 R17 112 S

  • 265 คือ ส่วนที่ 1 บ่งบอกถึงความกว้างของหน้ายาง มีหน่วยเป็นมิลลิเมตร
  • 65 คือ ส่วนที่ 2 ความสูงของแก้มยางหรืออัตราส่วนของหน้ายาง (Aspect Ration) มีหน่วยเป็น Percent ยิ่งตัวเลขยิ่งน้อยแก้มยางยิ่งเตี้ยลงไปด้วย
  • R คือ ส่วนที่ 3 บอกถึงโครงสร้างของยาง ในตัวอย่าง R = Radial ยางเรเดียล ไม่ได้เสริมใยเหล็ก หากเป็นตัว D = Diagonal Belt ยางเสริมใยเหล็กแนวเฉียง ส่วนตัว B = Bias Belt ยางเสริมใยเหล็กเบี่ยง ซึ่งยางทั่ว ๆ ไปจะเป็นแบบ R มากกว่า
  • 17 คือส่วนที่ 4 ใช้บอกขนาดของขอบยาง วัดเป็นเส้นผ่าศูนย์กลาง มีหน่วยเป็นนิ้ว
  • 112 คือ ดัชนีที่ใช้วัดประสิทธิภาพยางในการรับบน้ำหนักในขณะที่รถทำความเร็วได้สูงสุด อย่าง 112 นี้จะบอกว่ารถสามารถบรรทุกหนักได้ 1,120 กิโลกรัม/ล้อยาง 1 เส้น
  • S ใช้บอกความเร็วที่ยางรถคนนี้จะสามารถทำความเร็วได้ คือ 180 กิโลเมตร/ชั่วโมง

และสุดท้ายคือชุดตัวเลขที่บอกถึงสัปดาห์และปีที่ใช้ในการผลิตยาง ซึ่งเจ้าของรถทุกคนควรรู้เป็นอย่างยิ่งเพราะเวลาที่ต้องเปลี่ยนยางขึ้นมาจะได้ไม่โดนทางร้านหลอกเอายางเก่ามาขายให้ ดังเช่นชุดตัวเลขต่อไปนี้ 4417 คือ ยางที่ผลิตในสัปดาห์ที่ 44 ของปี 2017 ซึ่งก็คือยางที่ผลิตในเดือนตุลาคม ปี 2017 หากท่านเจอยางในลักษณะนี้ให้ทำการปฏิเสธที่จะเปลี่ยนหรือติดตั้ง เพราะปัจจุบันคือปี 2019 ดังนั้นยางจะสามารถใช้งานได้สูงสุด อีกไม่เกิน 2 ปีก็ต้องหมดอายุและต้องเปลี่ยนใหม่ ทำให้เสียเงินซื้อเปลี่ยนใหม่สิ้นเปลืองเปล่า ๆ

สำหรับคนรักรถคงปฏิเสธไม่ได้ที่จะต้องศึกษาเรื่องยางรถยนต์ เพราะไม่เพียงแต่ชุดตัวเลขบนแก้มยางเท่านั้นที่สำคัญ ดอกยาง ที่ใช้งานในรถแต่ละคันก็สำคัญไม่แพ้กันเลยทีเดียว เมื่อได้รู้คุณลักษณะของยางแต่ละประเภทแล้ว ก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่าท่านเจ้าของรถจะนำความรู้ไปปรับใช้ในการเลือกซื้อยางให้เหมาะสมกับรถที่ท่านรักให้ได้เกิดประโยชน์สูงสุด  สามารถติดตามบทความเพิ่มเติมได้ ที่นี่..

More To Explore

5 อันดับ แอร์ยี่ห้อไหนดี ปี 2566
motordrivinglicense