หากจะกล่าวถึงสถานที่ท่องเที่ยวในประเทศไทยแล้วคงจะมีหลายที่ไม่น้อยที่ถือว่าสวยไม่แพ้ต่างประเทศเลยทีเดียว แต่จะกล่าวถึงจุดเด่นที่เรียกกันว่า แลนด์มาร์ค ที่พอพูดถึงขึ้นมาจะร้องอ๋อแล้วหมายถึงสัญลักษณ์ของประเทศนั้น ๆ เลยทีเดียว เช่น ในยุโรป หอไอเฟล คงเป็นที่ไหนไม่ได้นอกจากประเทศฝรั่งเศส, นาฬิกาบิ๊กเบน ประเทศอังกฤษ,หอเอนเมืองปิซ่า ประเทศอิตาลี เป็นต้น ซึ่งถือว่าเป็นจุดเด่นและเปรียบเสมือนสัญลักษณ์ของประเทศนั้นไปเสียแล้ว แล้วสำหรับ สถานที่ท่องเที่ยวอาเซียน ที่อยู่รอบ ๆ ใกล้เมืองไทยมีอะไรบ้างไปลองดูกันเลย
ประเทศไทย : วัดพระศรีรัตนศาสดารามหรือวัดพระแก้ว
เป็นสถานที่ที่นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ที่ชอบศึกษาในรูปแบบศิลปะโบราณและความสำคัญทางศาสนาแล้วยังสามารถมากราบไหว้ขอพรจากพระแก้วมรกตภายในพระอุโบสถได้อีกด้วย วัดพระแก้วตั้งอยู่บริเวณด้านทิศตะวันออกของพระบรมมหาราชวัง ซึ่งถือว่าเป็นวัดคู่บ้านคู่เมือง เป็นที่ประดิษฐานของพระแก้วมรกต นั่นเอง ด้วยคุณค่าทางศิลปวัฒนธรรมที่มีจิตรกรรมฝาผนังเรื่องรามเกียรติ์ยาวถึง 178 ห้อง ถือว่าเป็นภาพเขียนฝาผนังที่ยาวที่สุดในโลด ด้วยความโดดเด่นของยักษ์ปูนที่สูงถึง 6 เมตรจึงทำให้นักท่องเที่ยวได้มาถ่ายรูปคู่กันมาก ซึ่งการที่จะเข้าไปชมภายในวัดนั้น จะต้องแต่งกายให้สุภาพตามกฎระเบียบที่กำหนด มิเช่นนั้นแล้วจะไม่สามารถเข้าชมกันได้เลย
เวลาทำการ : ทุกวันตั้งแต่ 8.30 – 15.30 น.
ค่าเข้าชม : คนไทยฟรี คนต่างชาติ 500 บาท/คน
การเดินทาง : สามารถไปได้หลายวิธี หากเป็นนักท่องเที่ยวมาจากสนามบินสุวรรณภูมิ สามารถนั่งรถ Airport Rail Link มาลงสถานีพญาไท แล้วลงต่อรถไฟฟ้า BTS ไปที่สถานีตากสิน เดินไปทางออกหมายเลข 2 เดินทางไปยังใต้สะพานท่าเรือสาทร ขึ้นเรือด่วนเจ้าพระยา ไปลงท่าเรือท่าช้าง N9 เมื่ออกจากท่าเรือมาวัดพระแก้วจะอยู่ด้านขวามือ
ประเทศกัมพูชา : นครวัด
นครวัด ปัจจุบันได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ถือเป็นศาสนสถานที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งในย่านอาเซียนนี้ เพราะถือว่าเป็นสิ่งก่อสร้างทางศาสนาที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งตั้งอยู่จังหวัดเสียมเรียบ ประเทศกัมพูชา นครวัดมีรูปร่างคล้ายปราสาทขนาดใหญ่ มีกำแพงชั้นนอกที่ยาวมากกว่า 800 เมตร พร้อมงานแกะสลักหินอันสวยงาม โดยเฉพาะนางอัปสรที่มีมากกว่า 1,796 คน ด้วยแต่ละคนที่มีเครื่องแต่งกายไม่ซ้ำรูปแบบกันสักคนเลย ซึ่งในอดีตนั้นการสร้างนครวัดนั้นไม่ง่ายเลยเพราะต้องใช้ช่างฝีมือมากกว่า 5,000 คนรวมระยะเวลาในการสร้างมากกว่า 100 ปี จึงทำให้นครวัดแห่งถือว่าเป็นสุดยอด สถานที่ท่องเที่ยวอาเซียน งานศิลปะในด้านงานแกะสลักเลยทีเดียว
เวลาทำการ : 05.00-18.00 น.
ค่าเข้าชม : $37 USD
การเดินทาง : หากคนไทยต้องการจะเดนทางไปชมนครวัดสามารถขึ้นเครื่องบินจากกรุงเทพฯ ไปลงท่าอากาศยานนานาชาติเสียมเรียบ จากนั้นสามารถใช้บริการตุ๊กตุ๊กหรือแท็กซี่ไปที่นครวัดได้เลย แต่ยังมีอีกวิธีนั่นคือการปั่นจักรยานจากโรงแรมไปได้
ประเทศเวียดนาม : อ่าวฮาลอง
หากจะกล่าวถึงอ่าวที่สวยที่สุดในโลกแห่งหนึ่งแล้วคงยกให้กับ ฮาลองเบย์ ของเวียดนาม คงไม่ผิดนัก ด้วยความสวยสดงดงามที่ยังคงความเป็นธรรมชาติที่สมบูรณ์ไว้ จนได้รับประกาศให้เป็นมรดกโลกทางด้านธรรมชาติจากองค์กรยูเนสโก ด้วยลักาณะเด่นของอ่าวที่มีผืนน้ำที่เขียวขจี มีหมู่เกาะหินปูนที่มากถึง 2,000 เกาะ ซึ่งหากใครอยากสัมผัสธรรมชาติด้วยการพายเรือคายัคก็สามารถมีไว้คอยบริการ เพราะนอกจากจะมีผืนน้ำที่สวยงามแล้วยังมีถ้ำที่สวยไม่แพ้กัน เช่น ถ้ำนางฟ้า
เวลาทำการ : เปิดตลอด 24 ชั่วโมง
ค่าเข้าชม : 150,000 VND
การเดินทาง : สามารถเดินทางจากสนามบินกรุงเทพฯ ไปท่าอากาศยานนานาชาติโหน่ยบ่าย เมืองฮานอย ประเทศเวียดนามได้โดยตรง แล้วซื้อ Day Tour ให้ไปรอรับที่โรงแรมแล้วเดินทางต่อไปฮาลองเบย์ได้เลย
ประเทศลาว : ประตูไซ
ประตูไซหรือประตูชัย ถือเป็นอนุสรณ์สถานที่อยู่ใจกลางเมืองเวียงจันทร์ ของประเทศลาว สร้างขึ้นมาเพื่อสดุดีให้กับวีรชนที่ร่วมกันกอบกู้เอกราชของประเทศจากฝรั่งเศส ประตูไซมีรูปร่างภายนอกหากดูแค่ผิวเผินจะคล้ายกับประตูชัยในประเทศฝรั่งเศส แต่เมื่อเข้าไปดูใกล้ ๆ จะเห็นศิลปะที่เป็นของประเทศลาวอยู่พอสมควร ซึ่งสามารถเดินดูรอบ ๆ และขึ้นไปดูวิวมุมสูงของถนนลานช้างได้
เวลาทำการ : จันทร์ – ศุกร์ 8.00-16.30 น., เสาร์ – อาทิตย์ 8.00 – 17.00 น.
ค่าเข้าชม : 3,000 LAK ต่อคน
การเดินทาง : สามารถเดินทางได้ทั้งทางบกและทางอากาศ แต่ที่จะสะดวกสบายที่สุดคงเป็นทางอากาศจากสนามบินกรุงเทพ ไปลงท่าอากาศยานนานาชาติวัดไต เวียงจันทน์ ประเทศลาว ได้ในเวลาไม่นาน จากนั่นนั่งตุ๊กตุ๊ก ไปยังถนนลานช้างได้ง่าย ๆ เมื่อไปถึงจะเห็นประตูไซ ตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่สุดถนนลานช้าง
ประเทศเมียนมาร์ : เจดีย์ชเวดากอง
หนึ่งในความสวยงามด้านเจดีย์ของโลกคงไม่มีใครกล่าวถึง พระมหาเจดีย์ชเวดากองถือเป็น สถานที่ท่องเที่ยวอาเซียน ที่ตั้งอยู่เมืองหลวงของประเทศเมียนมาร์ ด้วยความสวยงามของเจดีย์ที่มีสีเหลืองทองอร่าม ตั้งอยู่บนเนินเขา ซึ่งสามารถเห็นได้ชัดเจนจากทั่วทุกมุมมอง เจดีย์ชเวดากองมีความสำคัญต่อพระพุทธศาสนาเป็นอย่างมากด้วยการบรรจุพระเกศาธาตุของพระพุทธเจ้าจำนวน 8 เส้น ที่ทำให้ชาวเมียนมาร์ศรัทธาเลื่อมใสในพระเจดีย์เป็นอย่างมาก ว่ากันว่าเพชร พลอยที่ประดับอยู่ในพระเจดีย์แห่งนี้มาจากการบริจาคของชาวเมียนมาร์ด้วยความศรัทธายิ่ง
เวลาทำการ : ทุกวัน 4.00 – 22.00 น.
ค่าเข้าชม : $8 USDต่อคน
การเดินทาง : สามารถเดินทางจากกรุงเทพฯ ไปท่าอากาศยานนานาชาติย่างกุ้ง ประเทศเมียนมาร์ แล้วนั่งแท็กซี่ต่อไปที่เจดีย์ชเวดากองได้เลย ค่าบริการโดยประมาณ $15 USD
ประเทศมาเลเซีย : ตึกแฝดเปโตรนาส
หากไม่นับตึกเวิร์ดเทรดในอดีตแล้ว ถือว่าตึกแฝดเปโตรนาส ถือว่าเป็นตึกแฝดที่สูงที่สุดในโลกและเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญของประเทศมาเลเซียเลยทีเดียว เพราะใครต่อใครต้องมาถ่ายรูปคู่กับตึกแฝดนี้อย่างน้อยสักครั้งในชีวิตที่ได้มาเยือน ตัวอาคารหลังที่ 1 จะเป็นที่ตั้งสำนักงานใหญ่ของบริษัทปิโตรนาส อาคารหลังที่ 2 สำหรับให้บริษัทเอกชนต่าง ๆ ได้เช่าพื้นที่ทำออฟฟิศ มีห่างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ตั้งอยู่ภายในอาคาร ซึ่งสามารถเข้าชมวิวบนตึกจากสะพานลอยฟ้าที่เชื่อมถึงกันได้อีกด้วย
เวลาทำการ : ทุกวันยกเว้นวันจันทร์ 9.00 – 21.00 น.
ค่าเข้าชม : 80 MYR ต่อคน
การเดินทาง : เดินทางจากสนามบินกรุงเทพฯ ไปท่าอากาศยานนานาชาติกัวลาลัมเปอร์ จากนั้นนั่งรถไฟฟ้าสายเคแอลไอเอ จากสนามบินไปยังสถานีเคแอล เซนทรัล แล้วต่อด้วยสายสีเขียวมุ่งหน้าไปยังบูกิจนานาส แล้วเดินต่ออีกประมาณ 950 เมตรก็จะถึงตึกเปโตรนาสแล้ว
ประเทศสิงคโปร์ : เมอร์ไลออน
สิงโตทะเลเมอร์ไลออน สวยเด่นเป็นสง่าบริเวณปากแม่น้ำสิงคโปร์ที่อ่าวมาริน่า คงทำให้ใครหลาย ๆ คนได้หยุดเห็นและมองจากที่ไกล ๆ ได้ วึ่งถือเป็นมาสคอตของประเทศสิงคโปร์อีกด้วย ด้วยรูปร่างขนาดใหญ่ มีลักษณะตัวเป็นปลาหัวเป็นสิงโต จึงทำให้นักท่องเที่ยวที่จะอดใจถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึกไม่ได้
เวลาทำการ : เปิดตลอด 24 ชั่วโมง
ค่าเข้าชม : ฟรี
การเดินทาง : สามารถเดินทางจากสนามบินกรุงเทพไปท่าอากาศยานนานาชาติชางฮี แล้วต่อด้วยนั่งรถไฟสายสีเขียวเพื่อไปลงสถานีราฟเฟิลเพลส อินเตอร์เชนจ์ ลงเดินต่ออีกประมาณ 550 เมตร ก็จะถึงเมอร์ไลออน
ประเทศฟิลิปปินส์ : ป้อมปราการอินทรามูรอส
ป้อมปราการอินทรามูลอส ถือว่าเป็นสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ของฟิลิปปินส์เลยทีเดียว เพราะถูกสร้างในสมัยยุคล่าอาณานิคม อนุสรณ์สถานนี้จึงมีไว้เพื่อแสดงถึงช่วงเวลาที่โหดร้ายเมื่อครั้งตกเป็นประเทศอาณานิคม ด้วยฟิลิปปินส์ตกเป็นเมืองขึ้นของประเทศสเปนในยุคนั้น ทางสเปนต้องการที่จะป้องกันการรุกรานจากมหาอำนาจชาติอื่น ๆ จึงสร้างป้อมปราการนี้ขึ้นมา แม้ฟิลิปปินส์จะถูกเปลี่ยนมือของการเป็นเมืองขึ้นหลาย ๆ ประเทศ แต่สุดท้ายก็ถูกญี่ปุ่นทำลายป้อมปราการลงไปในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 อีกทั้งการผจญภัยทางธรรมชาติอีกนับไม่ถ้วน ถึงกระนั้นตัวป้อมเองก็ได้รับความเสียหายไปไม่มากเท่าใดนัก
เวลาทำการ : ทุกวัน ตั้งแต่ 8.00-21.00 น.
ค่าเข้าชม : ผู้ใหญ่ 75 PHP , นักเรียน, เด็ก, ผู้สูงอายุ 50PHP
การเดินทาง : ขึ้นเครื่องบินจากกรุงเทพฯ ไปลงท่าอากาศยานนานาชาตินินอย อากีโน ลงแล้วต่อรถบัสจากเทอร์มินอล 2 ไปแจม ไลเนอร์ บันเดีย แล้วเปลี่ยนไปขึ้นรถไฟ LRT สาย 1 จากสถานีกิล พูยาต ไปสถานียูไนเต็ด เนชั่นส์ แล้วเดินต่อด้วยระยะทาง 1.5 กิโลเมตร หรือจะใช้บริการแท็กซี่ ก็ย่อมได้ใช้เวลาประมาณ 20 นาทีเท่านั้น
ประเทศบรูไน : มัสยิดโอมาร์ อาลี ไซฟุดดิน
มัสยิดโอมาร์ อาลี ไซฟุดดิน ถือเป็นมิสยิดที่สวยงามมากแห่งหนึ่งในย่านอาเซียนแห่งนี้เลยทีเดียว ซึ่งตั้งอยู่ในเมืองบันดาร์เสรีเบกาวัน เมืองหลวงของประเทศบรูไน ถือเป็นมัสยิดหลวงของผู้ปกครองประเทศ ซึ่งมีความโดดเด่นเป็นอย่างมาก การผสมผสานระหว่างสถาปัตยกรรมแบบอิสลามกับอิตาลี สิ่งที่โดดเด่นที่สุดที่สามารถให้มองเห็นมัสยิดจากที่ไกล ๆได้อย่างชัดเจนคือ ยอดโดมสีทองที่สร้างจากทองคำแท้ 3.3 ล้านแผ่น มัสยิดแห่งนี้เป็น สถานที่ท่องเที่ยวอาเซียน นอกจากจะสวยงามและทรงคุณค่าแล้ว ยังใช้ในการประกอบกิจกรรมทางศาสนาที่สำคัญอีกด้วย
เวลาทำการ : ภายนอกสามารถชมได้ทุกวัน ยกเว้นเวลาละหมาด, ภายในเปิดให้ชมเฉพาะวันเสาร์ – พุธ ตามช่วงเวลา 8.30 – 13.00, 13.30 – 15.00 และ 16.30 – 17.30 ปิดวัน พฤหัสบดีและวันศุกร์
การเดินทาง : สามารถเดินทางจากสนามบินกรุงเทพฯ ไปท่าอากาศยานนานาชาติบรูไน แล้วนั่งแท๊กซีไปยังมัสยิดได้เลย ราคาอยู่ที่ 30 BND
ประเทศอินโดนีเซีย : บุโรพุทโธ
บุโรพุทโธหรือโบโรบูดูร์ เป็นสถานที่สำคัญทางพระพุทธศาสนาแห่งหนึ่ง แต่ตั้งอยู่บนดินแดนของประเทศที่นับถือศาสนาอิสลามเป็นหลักนั่นคือ อินโดนีเซียนั่นเอง เป็น สถานที่ท่องเที่ยวอาเซียน และสิ่งก่อสร้างทางศาสนาที่ใหญ่รองลงมามาจากนครวัด ซึ่งโบโรบูดูร์ภาษาอินโดนีเซียแปลว่าบนภูเขา บุโรพุทโธมีด้วยกันทั้งหมด 3 ชั้น ซึ่งแต่ละชั้นแกะสลักด้วยเรื่องราวมากมายที่สะท้อนถึงหลักคำสอนในพุทธศาสนา ชั้นแรกคือกามธาตุ กล่าวถึงการเวียนว่ายตาย เกิด ตัณหา กิเลสและราคะ ชั้นที่สองว่าด้วยเรื่องของรูปธาตุ เป็นรูปภาพที่มีฐาน 6 ชั้น ซึ่งทำให้เห็นการหลุดพ้นจากกิเลสของมนุษย์หากแต่ยังหลุดไม่หมด จึงเกิดชั้นที่สามคือ อรูปธาตุ ถือเป็นการปฏิบัติขั้นสูงสุด หลุดพ้นกิเลส ตัณหาทั้งปวง
เวลาทำการ : 6.00 – 17.00 น.
ค่าเข้าชม : ผู้ใหญ่ 25 USD, เด็ก 3-10 ขวบ 15 USD
การเดินทาง : เดินทางจากสนามบินกรุงเทพฯ ไปยังท่าอากาศยานนานาชาติอดิสูคิพโต แล้วต่อด้วยรถแท็กซี่อีกประมาณ 45 นาที ราคาค่าแท็กซี่ประมาณ 150,000 IDR หรือจะใช้บริการทัวร์บัสกับโรงแรมที่เข้าพักได้ หรือจะนั่งรถบัสทรานส์สาย 2A และ 2B ไปลงป้ายจอมบอร์ แล้วต่อด้วยรถบัสท้องถิ่นไปลงที่บุโรพุทโธเลย
สามารถติดตามบทความเพิ่มเติมได้ ที่นี่..