ทำงานเก็บเงินมาตั้งนาน ความฝันอยากจะไปต่างประเทศเป็นครั้งแรกก็ผุดขึ้นมา ญี่ปุ่นเป็นตัวเลือกแรกๆ ทั้งสภาพภูมิอากาศ สถานที่ วัฒนธรรม อะไรก็ดูสวยไปหมด งั้นไปเที่ยวญี่ปุ่นดีกว่า แล้วต้องเตรียมอะไรบ้างล่ะ? ตอนนี้มีแค่ความอยากอย่างเดียว งั้นมาดูกันเลย
สเต็ปแรก เตรียมใจ ตัดสินใจให้แน่วแน่ว่าจะไปเที่ยวญี่ปุ่น จากข้อมูลของปี 2019 โตเกียว เมืองหลวงของประเทศญี่ปุ่นเป็นเมืองที่ได้ชื่อว่ามีความปลอดภัยสูงที่สุด ดังนั้นจะไปเที่ยวญี่ปุ่นคนเดียวหรือจะไปกันเป็นแก๊งก็สนุกได้ทั้งนั้น
สเต็ปต่อมา ตั้งเป้าหมาย เมื่อเรามีเป้าหมายจะทำให้ทุกอย่างชัดเจนขึ้น หากจะไปเที่ยวญี่ปุ่น ตั้งเป้าหมายไว้แล้วว่าจะไปให้ได้ แล้ววิธีการต่างๆ จะตามมาเอง
จากนั้นวางแพลนได้เลย อยากไปเที่ยวที่ไหนบ้าง ที่เที่ยวญี่ปุ่นมีมากมาย เที่ยวได้ตั้งแต่ส่วนบนของประเทศจนถึงส่วนล่าง ซึ่งขึ้นอยู่กับช่วงที่จะไปญี่ปุ่นด้วย เมืองบางเมืองก็เหมาะกับบางฤดู เช่น หากจะชมภูเขาฟูจิควรจะไปช่วงฤดูหนาว ภูเขาจะสวยกว่าช่วงฤดูร้อน อยากจะถ่ายรูปกับดอกซากุระ ควรไปช่วงฤดูใบไม้ผลิที่ดอกซากุระกำลังบานพอดี และมีเทศกาลฮานามิ เรียกว่าเป็นเทศกาลชมดอกซากุระของญี่ปุ่นในหลายๆ เมือง เป็นต้น ดังนั้นต้องมีแพลนว่าอยากไปเที่ยวญี่ปุ่นช่วงฤดูไหน เจาะจงเดือนไหน ไปกี่วัน หากเที่ยวเกิน 15 วันต้องทำวีซ่า
สเต็ปถัดมาก็คือ เตรียมสตางค์ ควรพกไปทั้งเงินสดและบัตรเครดิต บางร้านไม่รับบัตรเครดิต แต่ใครที่อยากเที่ยวญี่ปุ่นและเก็บแต้มบัตรเครดิตไปด้วย บางบัตรมีโปรโมชันสำหรับเที่ยวญี่ปุ่นโดยเฉพาะ เช่น แต้มสองเท่าเมื่อใช้เงินในสกุลเยนที่ญี่ปุ่น และควรเตรียมไปให้พอกับจำนวนวันที่ไปเที่ยวญี่ปุ่นด้วย ควรเป็นจำนวนเงินที่เหมาะสมกับค่าใช้จ่ายที่ใช้ในการไปเที่ยวทั้งหมด ดังนี้
- ค่าเครื่องบิน ซึ่งจะถูกในช่วงฤดูร้อนและแพงช่วงฤดูหนาว ไม่ใช่ว่าช่วงฤดูร้อนไม่มีอะไรให้ดู แต่เป็นเพราะอากาศต่างหาก ช่วงฤดูร้อนของญี่ปุ่นร้อนจริงๆ แต่ดอกไม้ก็สวยมากเช่นกัน สวนดอกไม้ส่วนใหญ่จะเปิดให้ถ่ายรูปช่วงฤดูร้อน นักท่องเที่ยวจากไทยส่วนใหญ่จะมาเที่ยวญี่ปุ่นช่วงฤดูหนาวเพราะอยากสัมผัสหิมะ สัมผัสความหนาว ช่วงฤดูหนาวหิมะขาวโพลนไปทั่ว มีกิจกรรมเล่นสกี เด็กๆ ก็ชอบเล่นหิมะ
- ค่าที่พัก ที่พักญี่ปุ่นมีทั้ง Hostel และ Hotel งบน้อย ไม่ค่อยซีเรียส ก็นอนรวมห้องได้ เลือกได้ทั้งเตียงล่างเตียงบน ซึ่งเตียงบนจะแพงกว่าในบาง Hostel และสามารถเลือกห้องแยกชายหญิงได้ หากงบเยอะขึ้นมาหน่อย อยากจะนอนเป็นห้องเดี่ยว ก็มีให้เลือกทั้งเตียงเดี่ยวเตียงคู่ โรงแรมส่วนใหญ่ในญี่ปุ่นจะมีอาหารเช้าฟรี แนะอีกนิด แรงดันไฟฟ้าและปลั๊กไฟญี่ปุ่นของโรงแรมบางแห่งไม่เหมือนกับที่ไทย ควรนำหัวแปลงไฟไปด้วย
- ค่ากิน อาหารที่ญี่ปุ่นก็มีทั้งถูกและแพง การวางแผนว่าจะไปเที่ยวญี่ปุ่นกี่วัน เพื่อจะต้องนับมื้ออาหารก็เป็นการวางแผนที่ดี หากไปสามวัน หมายความว่าต้องรับประทานอาหาร 9 มื้อ บางคนอาจจะคิดมื้อดึกเพิ่มไปอีก แล้วค่อยคำนวณว่าแต่ละมื้อควรจะมีค่าอาหารเท่าไร มื้อนี้ไม่ควรมีราคาเกินนี้ หรือเจาะจงร้านไปเลยก็ได้ วางแผนว่าวันนี้ไปสถานที่นี้ เห็นรีวิวมานาน อยากจะชิมร้านนี้อยู่แล้ว ทราบราคาแต่ละเมนูอยู่แล้ว คิดไว้แล้วว่าจะกินอะไรบ้าง ก็ง่ายต่อการคำนวณยิ่งขึ้น
- ค่าเที่ยว ไม่ว่าจะเป็นพิพิธภัณฑ์ สวนสนุก วัด หรือสถานที่สำคัญต่างๆ ค่าเข้า ค่าชมสถานที่ ตั๋วเข้าชม ไปพิพิธภัณฑ์อาจจะมีค่าใช้จ่ายแค่ค่าเข้าชม แต่สวนสนุกอาจจะต้องจ่ายทั้งค่าเข้าและค่าเครื่องเล่น เห็นขนมน่ากินก็อยากจะซื้ออีก ค่าเดินทางที่จะเดินทางไปในสถานที่นั้นอีก ไกลก็จ่ายมาก ใกล้ก็จ่ายน้อย จึงต้องคำนวณเงินให้ดี
- ค่าช้อปปิ้ง ไปเที่ยวญี่ปุ่นช่วงฤดูร้อนจะพบกับของลดราคามากมาย เพราะเป็นช่วงที่ญี่ปุ่นลดราคา แต่ละร้านติดป้าย sale เพียบ อาจทำให้ความอยากได้เพิ่มขึ้น ค่าช้อปปิ้งอาจมากกว่ามาเที่ยวญี่ปุ่นช่วงอื่น อาจมีของที่ราคาถูกกว่าไทย นอกจากของลดราคาแล้ว ของฝากก็อยากซื้อ อยากจะนำของฝากกลับมาให้เพื่อน ครอบครัว คนรู้จัก ควรจะคำนวณเงินไว้ด้วย เราไม่รู้หรอกว่าพอไปเที่ยวญี่ปุ่นแล้ว จะอยากได้อะไรบ้าง แต่ไม่ควรเกินจำนวนเงินที่ตั้งไว้
- เงินสำรองเผื่อยามฉุกเฉิน จากการคำนวณค่าใช้จ่ายต่างๆ ควรมีค่าใช้จ่ายสำรองไว้ด้วย แม้จะให้กำหนดค่าใช้จ่ายต่างๆ ไม่ให้เกินจำนวนที่ตั้งไว้ก็ตาม ขอเกินค่าช้อปปิ้งนิดหน่อยนะ อาหารร้านนี้อร่อยสั่งเพิ่มอีกสักจาน เกินไปนิดเดียวเอง หากเราไม่สำรองเงินเผื่อไว้ ก็อาจมีใช้ไม่ถึงวันกลับ บางคนถึงขนาดต้องรบกวนให้คนอื่นโอนเงินจากไทยมาที่ญี่ปุ่น ลำบากกันไปอีก ดังนั้นเงินจำนวนนี้ก็สำคัญไม่แพ้ค่าใช้จ่ายอื่นเช่นกัน
หลังจากนั้น เตรียมข้อมูลของสถานที่ สถานที่ที่จะไปเที่ยวญี่ปุ่นอยู่ตรงไหนบ้าง ใกล้หรือไกลจากที่พักแค่ไหน เดินทางอย่างไร เนื่องจากรถไฟของญี่ปุ่นมีหลายชนิด แต่ละสายขึ้นเหนือลงใต้ นอกจากนี้ควรศึกษาสถานที่ว่าเปิดและปิดวันไหนบ้าง เดี๋ยวไปแล้วเจอว่าปิดก็เสียเที่ยวเปล่าๆ ทั้งเสียเงินค่าเดินทาง แล้วยังไม่ได้เห็นสิ่งที่อยากดูอีก
สเต็ปต่อมา เตรียมร่างกาย เตรียมชุด เมื่อทราบว่าจะไปเที่ยวญี่ปุ่นฤดูไหน เราจะต้องเตรียมชุดให้เข้ากับสภาพภูมิอากาศในช่วงนั้น ศึกษาสภาพอากาศก่อนไปเป็นสิ่งที่ดี ไปช่วงฤดูร้อนก็เตรียมแป้งเย็นและน้ำเปล่าติดตัวเสมอ เพราะญี่ปุ่นไม่ได้ร้อนชื้นแบบไทย แต่ร้อนแห้ง หรือมีอากาศแปรปรวน อาจเจอพายุ เจอฝนตก พกร่มสำรองไว้ แต่โรงแรมส่วนใหญ่ในญี่ปุ่นจะมีร่มบริการเสมอ นอกจากนั้นร่มที่ญี่ปุ่นหาซื้อง่ายและลายน่ารักทั้งนั้น หากคิดว่าจะไปซื้อที่ญี่ปุ่นอยู่แล้วก็ไม่มีปัญหา นอกจากนั้นยังต้องเตรียมร่างกายให้พร้อม ไม่เจ็บไม่ป่วยดีที่สุด
สเต็ปรองสุดท้าย เตรียมภาษา เรียนรู้คำศัพท์ง่ายๆ อาจจะคำศัพท์ที่ต้องใช้ในยามจำเป็น เช่น ราคาเท่าไร ห้องน้ำอยู่ที่ไหน คนญี่ปุ่นส่วนใหญ่ใช้ภาษาอังกฤษของญี่ปุ่น อาจจะมีบางคำที่ฟังยากบ้าง แต่ไม่ต้องห่วง เพราะเจ้าหน้าที่ให้บริการส่วนใหญ่สามารถคุยภาษาอังกฤษได้ เมนูร้านอาหารส่วนใหญ่ก็มีภาษาอังกฤษกำกับและมีรูปให้ดู
สเต็ปสุดท้ายแล้วจ้า เตรียมประกันการเดินทาง แนะนำให้ทำประกันการเดินทางด้วย เที่ยวญี่ปุ่นหรือเที่ยวที่ไหนก็ทำประกันเถอะ ไม่ว่าจะเกิดเรื่องไม่คาดฝัน เจ็บป่วยกะทันหัน กระเป๋าหาย ติดต่อประกันได้ทันที ซึ่งประกันจะมีหนทางแก้ไขสำหรับเรื่องไม่คาดฝันเหล่านี้ให้คุณอยู่แล้ว เกิดเจ็บป่วยต้องเข้าโรงพยาบาลกะทันหัน ประกันก็พร้อมจะช่วยค่าใช้จ่ายส่วนนี้
หากเตรียมทุกอย่างเรียบร้อย เช็คตั้งแต่สเต็ปแรกจนถึงสเต็ปสุดท้ายไม่ขาดตกบกพร่องแล้ว ก็ถึงเวลาไปเที่ยวญี่ปุ่นให้สนุกสุดเหวี่ยงได้เลย ไปแล้วอย่าลืมถ่ายรูปมาฝากกันด้วยนะจ๊ะ
สามารถติดตามบทความเพิ่มเติมได้ ที่นี่..