ไวรัส RSV ถือเป็นเชื้อโรคในหน้าฝนที่อันตรายและเป็นอันตรายต่อเด็ก เมื่อเข้าสู่ฤดูฝนไม่ใช่แค่สภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงเท่านั้น แต่ฤดูฝนซึ่งมีความชื้นในอากาศสูง มักจะมาพร้อมกับการแพร่กระจายของเชื้อโรคมากกว่าปกติ และหนึ่งในเชื้อโรคที่มาพร้อมกับหน้าฝนก็คือไวรัส RSV ซึ่งมักแพร่ระบาดในเด็กเล็ก จนพ่อแม่ต้องกังวล วันนี้เราจะมานำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับไวรัส RSV เพื่อให้ผู้ปกครองได้ตระหนักถึงไวรัสนี้มากขึ้น
มารู้จัก “ไวรัส RSV”
ไวรัส RSV หรือไวรัส syncytial ระบบทางเดินหายใจเป็นไวรัสชนิดหนึ่งที่ทำให้เกิดการติดเชื้อทางเดินหายใจส่วนบนและล่าง ซึ่งพบมากในเด็กเล็ก และในเด็กอายุต่ำกว่า 2 ปี โรคนี้อาจทำให้เกิดอาการรุนแรงถึงขั้นเป็นโรคปอดบวมได้ หรือหลอดลมอักเสบ หรืออาจถึงแก่ชีวิตได้หากระบบทางเดินหายใจล้มเหลว
โดยทั่วไปไวรัส RSV มักเกิดการระบาดหลายครั้งในช่วงฤดูฝน หรืออาจต่อเนื่องไปจนถึงต้นฤดูหนาว สามารถแพร่เชื้อได้โดยการสัมผัสกับสารคัดหลั่งต่างๆ ผู้ติดเชื้อ เช่น น้ำลาย น้ำมูก และเสมหะ ซึ่งเข้าสู่ร่างกายทางตา หู ปาก และจมูก
สังเกตให้ชัดๆ! อาการของไวรัส RSV
อาจเป็นเรื่องยากสำหรับเราที่จะสังเกตเห็นอาการในระยะเริ่มแรก เพราะอาการส่วนใหญ่จะคล้ายกับไข้หวัดทั่วไป เช่น มีไข้ ไอ จาม เจ็บคอ หรือน้ำมูกไหล แต่มีอาการบางอย่างที่ผู้ปกครองสามารถแยกแยะได้ หรือสังเกตว่าลูกน้อยของคุณอาจติดเชื้อ ไวรัส RSV ได้ดังนี้
- มีไข้สูงเกิน 38 องศา
- มีอาการไอรุนแรงและไอรุนแรง
- คุณมีน้ำมูกในลำคอ
- มีอาการหายใจลำบาก
- หายใจลำบากและหายใจมีเสียงหวีด
- หายใจเข้าเร็วหรือหายใจเข้าลึกๆ
- เมื่อหายใจออกหน้าอกจะดูยุบลง
ความรุนแรงของ RSV ในเด็กเล็ก
โดยทั่วไป หากผู้ใหญ่ที่มีสุขภาพดีหรือเด็กโตติดเชื้อ RSV อาการมักจะไม่รุนแรงมาก และมันสามารถรักษาได้เอง แต่หากโรคนี้เกิดในเด็กเล็กก็มักจะแสดงอาการร้ายแรง อาจทำให้เกิดโรคปอดบวมได้ หรือมีเงื่อนไขอื่นๆ อาจเกิดภาวะแทรกซ้อนได้ ในบางกรณีอาจทำให้หยุดหายใจได้ เนื่องจากระบบภูมิคุ้มกันไม่แข็งแรงเพียงพอโดยเฉพาะในเด็กที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง เด็กที่เป็นโรคหัวใจหรือทารกคลอดก่อนกำหนด
นอกจากนี้ยังพบว่าแนวโน้มการติดเชื้อ ไวรัส RSV ในเด็กเล็กเพิ่มมากขึ้นเนื่องมาจากพฤติกรรมของเด็กสัมผัสของเล่น หรือสิ่งของต่างๆ และชอบเอามือเข้าปาก ส่งผลให้ไวรัสเข้าสู่ร่างกายได้ง่าย
วิธีการรักษา…กรณีติดเชื้อไวรัส RSV?
ขณะนี้ยังไม่มียาที่ใช้รักษาโรค RSV โดยตรง แต่กลับเน้นการรักษาตามอาการ เช่น รับประทานยาลดไข้ คลายเสมหะ พ่นยา แตะปอด หรือดูดเสมหะ เป็นต้น แต่หากรักษาอาการตั้งแต่เนิ่นๆ อาการก็จะไม่ดีขึ้น ควรปรึกษาแพทย์ทันทีเพื่อรับการรักษาอย่างระมัดระวัง โดยเฉพาะเด็กเล็กควรใส่ใจกับการหายใจ
ดูแลลูกน้อยของคุณง่ายๆ ห่างไกลจากไวรัส RSV
เพราะปัจจุบันยังไม่มียารักษาได้ และวัคซีน RSV การป้องกันจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อลดความเสี่ยงที่เชื้อโรคจะเข้าสู่ร่างกายของทารก ให้ทำดังต่อไปนี้:
- ล้างมือและลูกน้อยด้วยน้ำสะอาดและสบู่เสมอ ก่อนและหลังเข้าห้องน้ำหรือรับประทานอาหา
- ทำความสะอาดสิ่งของที่คุณใช้อยู่เสมอ หรือของเล่นเด็ก
- รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ครบทั้ง 5 หมู่
- ดื่มน้ำเยอะๆ
- พักผ่อนให้เพียงพอทุกวัน
- ออกกำลังกายสม่ำเสมอและเหมาะสม
- หลีกเลี่ยงการไปสถานที่แออัด
- สวมหน้ากาก
- ดื่มนมแม่แทนนมผง
และหากเด็กติดเชื้อไวรัส RSV เขาจะต้องแยกจากเด็กคนอื่นก่อน รอจนกว่าสถานการณ์จะดีขึ้นเพื่อไม่ให้เชื้อแพร่กระจายไปยังเด็กคนอื่น
เพื่อลดความเสี่ยงที่บุตรหลานของคุณจะติดเชื้อ ไวรัส RSV ผู้ปกครองควรติดตามอาการของบุตรหลานอย่างระมัดระวัง และหากคุณสังเกตเห็นว่าลูกน้อยของคุณแสดงอาการแบบสุ่ม คุณควรพาเขาไปพบแพทย์ทันทีเพื่อตรวจสอบสาเหตุ และได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที สิ่งนี้จะช่วยลดความเสี่ยงของการบาดเจ็บที่คุกคามถึงชีวิตได้อย่างมาก