สิ้นเดือนเหมือนสิ้นใจ ใช้เงินเดือนชนเดือนโดยไม่รู้ว่าใช้จ่ายไปกับอะไรบ้าง หากใครไม่อยากเกิดคำถามแบบนี้ทุก ๆ เดือน เรามีวิธีบริหารจัดการเรื่องเงินวิธีดี ๆ มาแนะนำกัน นั่นก็คือการใช้ แอพออมเงิน ตัวช่วยให้คุณรู้รายรับรายจ่ายของตัวเอง ซึ่งวิธีนี้ก็จะเป็นทางเลือกหนึ่งที่จะทำให้เราบริหารเงินได้ดียิ่งขึ้น จะได้ไม่เกิดคำถามที่หาคำตอบได้ยากว่าเราใช้จ่ายกับอะไรไปตอนไหนกัน แอพออมเงิน ที่คนนิยมใช้กันมีอะไรบ้างไปดูกันเลย
Monefy-Money Manager
แอพบันทึกรายรับ-รายจ่าย ที่มาด้วยหน้าตาแบบเรียบ ๆ สีพาสเทลสบายตา โดยแบ่งหมวดของค่าใช้จ่ายให้เราได้บันทึกถึง 12 ประเภท ซึ่งจะแสดงรายงานในรูปแบบแผนภูมิวงกลมแบบโดนัท ใช้งานค่อนข้างง่าย เพียงกดเลือกว่าจำนวนเงินที่เราจะใส่เป็นรายรับหรือรายจ่ายแล้วใส่ตัวเลขพร้อมทั้งเลือกประเภทของค่าใช้จ่ายนั้นและสามารถเขียนข้อความเพิ่มเติมและเลือกดูได้แบบรายวัน สัปดาห์ เดือนและปีได้ด้วย แต่ในแอพฟรีนี้ก็มีข้อจำกัดเพราะว่ามีสกุลเงินไม่หลากหลาย ไม่สามารถถ่ายโอนข้อมูลไปที่อื่นได้ รวมถึงไม่สามารถปิดการเข้าถึงแบบใช้รหัสได้ด้วย
Money Lover: Expense Tracker & Budget Planner
ลูกเล่นมากมายกับการจัดการเงินต้องยกให้ Money Lover โดยมีฟังก์ชั่นให้ใช้งานเยอะมาก ซึ่งจะช่วยให้การจัดการเรื่องเงินของคุณเป็นเรื่องง่ายและน่าสนุกขึ้นมากเลย และนอกจากจะบันทึกรายรับ-จ่าย เชื่อมต่อบัญชีธนาคารและบัตรเครดิตได้แล้ว แอพนี้ยังสามารถถ่ายรูปบิลค่าใช้จ่ายเพื่อแปลงเป็นตัวเลขให้เราบันทึกได้อย่างสะดวกและสามารถค้นหาตำแหน่งตู้ ATM และธนาคารสาขาต่าง ๆ ที่ใกล้ตำแหน่งที่เราอยู่ได้อีกด้วย
Expense Manager
“น้อยแต่มาก” เป็นคำจำกัดความของ Expense Manager ได้ดีเลยทีเดียว เพราะในความน้อยดูไม่ หวือหวาของแอพนี้ ได้แฝงไปด้วยฟังก์ชั่นมากมายที่ให้คุณเลือกใช้ในหลายโอกาส โดยนอกจากบันทึก ค่าใช้จ่ายประจำวันที่มีเหมือนทุกแอพแล้ว ยังโดดเด่นด้วยเครื่องมือคำนวณที่หลากหลาย เช่น ฟังก์ชั่นคำนวณ ส่วนลดและคิดภาษี คำนวณดอกเบี้ย คำนวณทิป คำนวณเงินกู้ ค่าบัตรเครดิตที่ต้องจ่ายแต่ละเดือนและ ผลตอบแทนจากการลงทุน ทั้งหมดนี้มีแบบฟรี ๆ ใน Expense Manager เรียกว่าจัดเต็มอย่างมาก
Money Manager: Expense tracker, Free Budgeting App
ตัวช่วยจัดการเรื่องเงินสำหรับมือใหม่หรือผู้ที่ชื่นชอบความเรียบง่ายต้อง Money Manager มาพร้อมสีสันสดใส ดูสบายตา ใช้งานง่าย เพียงแค่ใส่จำนวนเงินแล้วเลือกไอคอนหมวดหมู่ก็เป็นอันเสร็จ โดยจะแสดงผลเป็นแผนภูมิวงกลมพร้อมทั้งมีเปอร์เซ็นต์กำกับว่าเราใช้เงินไปกับค่าใช้จ่ายกลุ่มไหนมากเท่าใด นอกจากนี้ยังเข้าถึงทุกฟังก์ชั่นได้ฟรีแบบไม่มีโฆษณาอีกด้วยและมีภาษาให้เลือกใช้มากกว่า 10 ภาษา แต่ยังคงไม่รองรับภาษาไทย
Wallet-Finance Tracker and Budget Planner
วางแผนทางการเงินแบบมือโปรได้โดย Wallet-Finance Tracker and Budget Planner แอพช่วย จัดการค่าใช้จ่ายที่เรียบง่าย สบายตา พร้อมทั้งมีฟังก์ชั่นเชื่อมต่อบัญชีและบัตรเครดิตที่จะช่วยให้คุณรู้รายละเอียดในทุก ๆ การใช้จ่าย แสดงผลออกมาในรูปแบบที่เข้าใจง่ายและสามารถจำกัดค่าใช้จ่ายในแต่ละ หมวดหมู่ได้ด้วย ทำให้คุณสามารถจัดการเรื่องเงินได้แบบมืออาชีพ
Household Account book
เป็น แอพออมเงิน ที่มีเรื่องราวของตัวการ์ตูนสุดน่ารักอย่าง Pisuke และเพื่อนซี้ซ่อนอยู่ เมื่อคุณบันทึกค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นคุณก็จะได้รู้เรื่องราวของสองสหายมากขึ้นด้วย โดยการใช้งานก็ง่ายดายไม่ซับซ้อน เพียงแค่ใส่จำนวนเงินและเลือกหมวดหมู่ ระบบก็จะแสดงผลออกมาในรูปแบบแผนภูมิวงกลม สีพาสเทลสบายตา นอกจากนี้ยังสามารถดาวน์โหลดภาพตัวการ์ตูนนี้เป็นพื้นหลังโทรศัพท์ได้อีกด้วย
GoodBudget: Budget & Finance
มีชื่อเดิมว่า Easy Envelope Budget Aid, EEBA แอพวางแผนทางการเงินที่สามารถใช้ได้ทั้งครอบครัว จะช่วยให้คุณและคนที่คุณรักสามารถจัดการเรื่องเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยเป็นแอพฟรีไม่มีโฆษณา ใช้งานง่าย ค่าใช้จ่ายหมวดต่าง ๆ จะบันทึกในรูปซองจดหมาย ซึ่งสามารถจำกัดงบการใช้จ่ายได้และส่งข้อมูลการใช้จ่ายไปยังอุปกรณ์อิเลกโทรนิกส์เครื่องอื่น ๆ ได้และยังมีมาสคอทมาเพิ่มความน่ารักให้อีกด้วย แต่หากอยากได้ฟังก์ชันเพิ่มเติมจากตัวฟรีก็สามารถซื้อเพิ่มได้เช่นกัน
YNAB-Budget, Personal Finance
เป็นอีกแอพที่จะควบคุมการใช้เงินของคุณให้ดีกว่าเดิม โดยมีจุดเด่นอยู่ที่เชื่อมบัญชีธนาคารและอัพเดทแบบเรียลไทม์ สามารถแชร์ข้อมูลกับอุปกรณ์หลาย ๆ เครื่องเพื่อให้มีข้อมูลอัพเดทอยู่เสมอง่ายต่อการตัดสินใจใช้จ่าย นอกจากนี้ยังมีกฎ 4 ข้อของ YNAB ที่จะช่วยให้คุณควบคุมการใช้จ่ายได้อย่างจริงจังด้วย
Fast Budget-Expense & Money Tracker
ถ้าอยากบริหารเงินให้ดูเป็นมืออาชีพ แอพนี้ก็น่าสนใจไม่น้อย เพราะนอกจากลงบัญชีรายรับ-จ่ายและเชื่อมต่อบัญชีธนาคารกับบัตรเครดิตได้แล้ว แอพนี้ยังมีบัญชี 2 ประเภทให้เลือกคือแบบธรรมดากับแบบปกปิด ซึ่งเหมาะกับคนที่มีธุรกิจเล็ก ๆ หรือต้องการทำบัญชีค่าใช้จ่ายไว้แยกกัน ก็จะช่วยให้จัดการได้สะดวกมากขึ้น นอกจากนี้ยังถ่ายโอนข้อมูลไปยังอุปกรณ์ต่าง ๆ ได้หลายเครื่องอีกด้วย
Spending Tracker
แอพติดตามการเงินอีกตัวที่มาในรูปแบบที่ใช้งานง่ายเหมาะสำหรับคนไม่ชอบความซับซ้อน สามารถเลือกได้ว่าจะดูรายงานผลแบบรายสัปดาห์ เดือน หรือปี และยังจำกัดงบในแต่ละประเภทและยกยอดเงินคงเหลือไปยังเดือนถัดไปได้ รวมถึงแยกบัญชีได้หลายบัญชีอีกด้วย นอกจากนี้ยังสามารดึงข้อมูลออกมาเป็นแบบ CSV ได้ แต่หากใครอยากได้แบบ PDF ต้องเสียเงินซื้อเพิ่ม ซึ่งถือว่าเป็นแอพอีกตัวที่มีฟังก์ชันพื้นฐานครบเลย
Plant Money
ให้การบันทึกรายรับ-จ่ายสนุกมากขึ้นด้วย Plant Money ซึ่งต้นไม้นั้นก็จะเติบโตในทุก ๆ วันที่เราบันทึกค่าใช้จ่ายลงในแอพโดยไม่ขึ้นกับเงินในบัญชี ถึงตัวเลขในบัญชีจะติดลบแต่ต้นไม้ก็ยังงอกงามเป็นกำลังให้เราได้เหมือนกัน และสามารถแชร์ต้นไม้ให้เพื่อนดูได้อีกด้วย แต่ถ้าไม่มีการบันทึกค่าใช้จ่าย ปล่อยทิ้งไว้นาน ๆ ไป ต้นไม้ก็เหี่ยวแห้งจนตายได้เหมือนกัน แอพนี้ก็เป็นอีกทางที่จะสร้างนิสัยการบันทึกค่าใช้จ่ายได้ดีอีกวิธีหนึ่ง
Cash Book
หากใครต้องการความเรียบง่าย แต่ครอบคลุมการจัดการเรื่องเงิน Cash Book ก็ถือเป็นอีกแอพหนึ่งที่ตอบโจทย์นี้ได้ เพราะนอกจากจะบันทึกค่าใช้จ่ายในแต่ละวันแล้ว ยังมีฟังก์ชั่นเครื่องคิดเลขสีสันสดใส เพิ่มโน้ตได้ในทุกการบันทึกค่าใช้จ่าย รวมทั้งระบบป้องกันการเข้าถึงโดยต้องใส่รหัสก่อน บันทึกไฟล์เป็น Excel หรือสำรองข้อมูลทางอีเมล และสามารถค้นหาข้อมูลทั้งหมดที่บันทึกไว้ได้อีกด้วย
Spendee: Budget and Expense Tracker & Planner
ให้การจัดการเรื่องเงินของคุณเป็นเรื่องง่ายด้วย Spendee แอพที่ได้รับความนิยมพร้อมมีรางวัลการันตี โดยสามารถผูกบัญชีธนาคารกับบัตรเครดิตได้อย่างง่ายดาย บันทึกค่าใช้จ่ายได้ภายในเวลาสั้น ๆ มีเงินตราหลายสกุลให้เลือกใช้ จัดการค่าใช้จ่ายพร้อมแจ้งเตือนการจ่ายบิลได้ครบถ้วน รวมถึงแชร์ข้อมูลให้กับเพื่อนหรือคนในครอบครัวก็ทำได้แบบสบายอีกด้วย มีฟังก์ชั่นครบครันแบบนี้จึงไม่แปลกเลยที่จะเป็น แอพออมเงิน ที่ได้รับความนิยมอย่างมากมาย
กระเป๋าตังค์ (บัญชีรายรับ-รายจ่าย)
แอพจัดการรายการใช้จ่ายที่ผลิตโดยคนไทย ที่มีหน้าตาน่ารัก ใช้งานง่าย นอกจากจะบันทึกค่าใช้จ่ายด้วยการพิมพ์แบบปกติแล้วยังสามารถบันทึกด้วยเสียงพูดได้ด้วย พร้อมทั้งมีสกุลเงินให้เลือกใช้แบบหลากหลายและสามารถสำรองข้อมูลผ่านระบบต่าง ๆ เพื่อป้องกันการสูญหายได้อย่างง่ายดาย ซึ่งบอกได้เลยว่าต้องมีภาษาไทยแน่นอน ใครไม่ถนัดภาษาต่างชาติก็โหลดแอพนี้ไว้ใช้ได้แบบยาว ๆ เลย
EvoWallet- Money Manager
ตัวช่วยจัดการเรื่องเงินแนวเรียบง่ายอีกหนึ่งแอพ มากับสีพาสเทลดูสบายตา มีไอคอนให้เลือกหลากหลายเพื่อจำแนกประเภท สามารถเพิ่มใช้หลายบัญชีได้ มีสกุลเงินหลายหน่วยให้เลือกใช้ คำนวณยอดในบัญชีให้แบบอัตโนมัติ จัดการการเงินด้วยวิธีง่าย ๆ มีรายงานแสดงผลแบบเข้าใจง่ายทั้งรายสัปดาห์, เดือนและปี มีรหัสผ่านป้องกันการเข้าถึงบัญชี นอกจากนี้ยังสามารถบันทึกไฟล์ CVS ผ่านทางอีเมลได้ด้วย
นอกจาก แอพออมเงิน ประเภทที่ช่วยจัดการค่าใช้จ่ายแล้ว ยังมีแอพที่ช่วยให้เราประหยัดเงินหรือสร้างเงินเพิ่ม ประเภทอื่น ๆ ด้วย เช่น
Piggipo
แอพจัดการบัตรเครดิตที่เป็นฝีมือคนไทย โดยจะสามารถช่วยจัดการปัญหาต่าง ๆ ที่ทำให้คนมีบัตรเครดิตต้องคอยกังวล อย่างเช่น กำหนดวันจ่ายเงิน เงินคงเหลือที่สามารถใช้ได้ มีระบบคำนวณดอกเบี้ยในกรณีที่คุณผ่อนชำระด้วย แถมยังมีความปลอดภัยสูงเนื่องจากไม่ต้องใส่เลขบัตรหรือข้อมูลส่วนตัวเข้าไป ถ้าหากใครเกิดปัญหาแก้ไม่ตกกับการใช้บัตรเครดิตลองดาวน์โหลด Piggipo มาเป็นตัวช่วยดูได้ ที่สำคัญมีภาษาไทยเข้าใจง่ายแน่นอน
Curve: The right way to pay
ตัวช่วยที่จะทำให้การใช้เงินในอนาคตจากบัตรพลาสติกของคุณเป็นไปได้อย่างง่ายดายมากขึ้น เช่นเดียวกับแอพ Piggipo แต่แอพนี้ไม่มีภาษาไทย โดยรวบรวมข้อมูลบัตรเครดิตของคุณไว้ในที่เดียว พร้อมแจ้งเตือนแบบเรียลไทม์ทุกการใช้จ่ายแบบไม่ชาร์จเงินเพิ่ม เปิด-ปิดการใช้งานบัตรได้ทุกเวลา หากจ่ายเงินผิดบัตรแอพนี้ยังสามารถเปลี่ยนบัตรที่ใช้จ่ายได้ภายใน 14 วัน นอกจากนี้ยังได้เครดิตเงินคืนในทุก ๆ วันที่ใช้ Curve อีกด้วย
52 weeks money challenge
เป็นแอพที่จะสร้างนิสัยการออมเงินให้กับคุณ โดยเราสามารถกำหนดได้ว่า สัปดาห์แรกจะเริ่มเก็บเงินเป็นจำนวนเท่าไรแล้วก็เพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อย ๆ ในแต่ละสัปดาห์ อย่างเช่น สัปดาห์ที่ 1,2 และ3 เก็บ 100,200 และ 300 บาทตามลำดับ จนถึงสัปดาห์ที่ 52 เก็บ 5200 บาท ซึ่งครบ 1 ปี เราก็จะเก็บได้ถึง 137,800 บาทเลย ซึ่งก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่จะทำให้เราสามารถออมเงินได้โดยเเข่งกับวินัยของตัวเองด้วย
Rabbit Rewards
แอพนี้ออกแบบมาเพื่อเอาใจคนที่ใช้รถไฟฟ้า(BTS) เป็นประจำ เพราะส่วนใหญ่คนที่ใช้ BTS บ่อย ๆ ก็จะมีบัตรแรบบิทกันอยู่แล้วเพื่อความสะดวก รวดเร็ว แถมยังนำแต้มจากเงินที่เราเสียค่าเดินทางไปมาเปลี่ยนเป็นของรางวัลต่าง ๆ ได้อีกด้วย ซึ่งสินค้าที่แลกได้ก็เป็นสินค้าที่เจอได้ในร้านค้าหรือห้างสรรพสินค้าตามแนวรถไฟฟ้าอยู่แล้ว วันไหนพอมีเวลาลองนั่งเปิดแอพดู แล้วจะรู้ว่าคุณก็สามารถประหยัดเงินได้ง่ายกว่าที่คิด
Money maker passive income and work from home
ถ้าหากรายรับของเราไม่พอกับรายจ่าย ยังไงเราก็ไม่มีเงินออมอยู่ดี ดังนั้นเรามาหาวิธีเพิ่มรายได้จากเงินเดือนประจำกันเถอะ เเอพนี้ก็จะเป็นแอพที่แนะเเนวทางการหารายได้จากช่องทางอื่น ๆ โดยมีถึง 60 เเนวทางซึ่งสามารถเลือกตามความชอบได้เลย แล้วการหารายได้ก็จะเพิ่มขึ้นของคุณก็จะไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป
จาก แอพออมเงิน ยอดนิยมที่กล่าวไปข้างต้นมีแอพดี ๆ มากมายให้ได้เลือกใช้ แต่ 5 อันดับ แอพออมเงิน ที่นิยมที่สุดเราขอยกให้แอพเหล่านี้เลย
1. Expense Manager
เป็น แอพออมเงิน ที่ดีขอแนะนำเลยสำหรับคนที่ต้องการจัดการเรื่องเงิน เพียงแอพเดียวก็ได้ครบทุกอย่างที่จำเป็นแล้ว ซึ่งสามารถเข้าถึงทุกการใช้งานได้แบบฟรีอีกด้วย เป็นเครื่องมือจัดการค่าใช้จ่ายที่เรียกว่าครบครันและสมควรมีติดเครื่องไว้เลย โดยมีจุดเด่นในหลาย ๆ ด้านดังนี้
ติดตามการใช้จ่าย
- บันทึกรายรับ-รายจ่าย
- มีหลายหมวดหมู่ให้เลือก
- ใช้ได้หลายบัญชี
- คำนวณภาษี, คำนวณดอกเบี้ย
- เชื่อมต่อบัญชีธนาคารและบัตรเครดิต
- ส่งเช็คทางอีเมลได้
การจัดการค่าใช้จ่ายและบิลต่าง ๆ
- สามารถเลือกจัดการบิลเป็นรายสัปดาห์ เดือนและปีได้
- กำหนดการจ่ายเงินที่ต้องจ่ายเป็นประจำได้
- มีฟังก์ชันการแจ้งเตือนเพื่อจ่ายเงิน
- รายงานผลแนวโน้มและผลสรุปของค่าใช้จ่ายในรอบวัน สัปดาห์ เดือนและปีได้
- ดูรายรับ-รายจ่ายได้ในรูปแบบปฏิทิน
- คาดการณ์ค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นได้
การค้นหาและรายงานผล
- สามารถค้นหาข้อมูลทุกอย่างที่บันทึกในแอพได้
- รายงานผลเป็น HTML, CVS, Excel และ PDF
- บันทึกกิจกกรมที่นำข้อมูลออกและเข้าได้
- สามารถเลือกการแสดงผลแยกเป็นหมวดหมู่, หมวดหมู่ย่อย, วิธีการจ่ายเงิน, สถานะและอื่น ๆ ได้
- ส่งรายงานผลทางอีเมล์เพื่อนำไปพิมพ์ได้
การสำรองข้อมูลและถ่ายโอนข้อมูลให้เหมือนกัน
- สำรองข้อมูลอัตโนมัติบน Dropbox, Google Drive และ SD Card
- ถ่ายโอนข้อมูลให้เหมือนกันระหว่างอุปกรณ์โดย Dropbox
การเชื่อมต่อกับ PC (Personal Computer)
- สามารถดูข้อมูลทุกบัญชีบนจอใหญ่ได้
- ใช้งานทุกฟังก์ชันได้เหมือนบนสมาร์ทโฟน
- เพิ่มการบันทึกรายรับ-รายจ่ายได้มากกว่า
- สำรองข้อมูลบน PC ได้เลย
เครื่องมืออำนวยความสะดวก
- ตัวแปลงสกุลเงิน
- เครื่องคิดเลขแบบปกติ
- เครื่องคำนวณทิป
- เครื่องคำนวณเงินกู้
- เครื่องคำนวณค่าบัตรเครดิตที่ต้องจ่ายแต่ละเดือน
- เครื่องคำนวณผลตอบแทนจากการลงทุน
- เขียนข้อความเพิ่มได้
- ทำรายการของที่ต้องซื้อได้
- มีระบบใส่รหัสผ่านเพื่อปกป้องข้อมูล
การปรับเปลี่ยนรูปแบบด้วยตัวเอง
- ผู้ใช้สามารถปรับเปลี่ยนสีของพื้นหลัง, ปุ่ม และแถบเครื่องมือต่าง ๆ ได้
- สามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบวันที่ได้
- สามารถเลือกจัดหมวดหมู่หลักและหมวดหมู่ย่อยได้
- ผู้ใช้สามารถปรับเปลี่ยนวิธีการจ่าย ผู้รับ-จ่ายเงิน สถานะ ได้ด้วยตัวเอง
ภาษาที่ใช้ได้
- มีภาษาให้เลือกใช้ถึง 10 ภาษาประกอบด้วย อังกฤษ, เยอรมัน, ฝรั่งเศส, สเปน, โปรตุเกส, รัสเซีย, อิตาลี, ตุรกี, อินโดนีเซีย และจีน
จะเห็นได้ว่า Expense Manager มีฟังก์ชั่นให้เลือกใช้งานได้หลากหลายเลยทีเดียว แต่ก็ยังมีข้อด้อยอยู่ ที่ข้อมูลหลาย ๆ ส่วน เราต้องเป็นคนกรอกลงไปเอง ซึ่งอาจจะไม่ตอบโจทย์คนที่ชอบความรวดเร็วเร่งด่วนมากนัก และหน้าตาเวลามองในครั้งแรกอาจจะดูยุ่งยากทำให้รู้สึกไม่น่าใช้ นอกจากนี้ก็ยังไม่รองรับภาษาไทยอีกด้วย แต่ถ้าเทียบในด้านเครื่องมือต่าง ๆที่ให้มาอย่างจัดเต็มแล้วเรียกว่า Expense Manager ไม่เป็นสองรองใครเลย
2. Money Lover: Expense Tracker & Budget Planner
หากใครชอบความแปลกใหม่ ไม่อยู่นิ่งแล้วล่ะก็ Money Lover ต้องเป็นตัวช่วยจัดการค่าใช้จ่ายที่ใช่สำหรับคุณแน่ เพราะแอพนี้มีความสดใสและลูกเล่นต่าง ๆ มาให้เห็นในทุกฟังก์ชั่น โดยได้รับรางวัลการันตีมากมายหลายรางวัล ซึ่งมีจุดเด่นดังนี้
- บันทึกรายรับ-รายจ่าย โดยแยกเป็นหมวดหมู่ได้หลากหลาย เช่น ค่าไฟ ค่าน้ำ ค่าอาหาร ค่าน้ำมัน
- วางแผนการใช้จ่ายโดย สามารถกำหนดขีดการใช้จ่ายของแต่ละหมวดหมู่และจะแจ้งเตือนเมื่อเราใช้เงินใกล้ถึงขีดจำกัดนั้น
- สามารถถ่ายภาพบิล แล้วระบบจะแปลงเป็นจำนวนเงินให้เราบันทึกได้โดยอัตโนมัติ
- ตั้งเป้าหมายการออมเงิน โดยระบบจะอัพเดทความก้าวหน้าของจำนวนเงินที่คุณต้องเก็บเพื่อให้ถึงเป้าหมายที่ตั้งไว้
- รายงานผลการใช้จ่ายได้หลายรูปแบบแล้วแต่จะเลือก เช่น ค่าใช้จ่าย รายรับในแต่ละวัน เป็นต้น
- เชื่อมต่อกับบัญชีธนาคารอัตโนมัติและรายงานธุรกรรมทางการเงินแบบเรียลไทม์ ซึ่งต้องใช้รหัสผ่านหรือลายนิ้วมือในการปลดล็อก
- เชื่อมต่อบัตรเครดิต เพื่อจัดการการใช้บัตรต่าง ๆ และมีแจ้งเตือนเมื่อถึงรอบการจ่าย
- สามารถค้นตำแหน่งตู้ ATM และธนาคารสาขาที่ใกล้ที่สุดได้
- ใช้กับอุปกรณ์อิเลกโทรนิกส์ได้หลายเครื่อง
แต่ก็มีจุดด้อยอยู่บ้าง อย่างเช่น
- ไม่สามารถเข้าถึงทุกฟังก์ชันได้หากไม่ได้เสียเงิน เช่น จำนวนบัญชีที่ใช้ได้
- ไม่สามารถบันทึกไฟล์ได้หากไม่ได้เสียเงิน
- ไม่สามารถแนบรูปภาพได้ (ในตัวฟรีจะมีให้ทดลองใช้ แต่ถ้าอยากได้แบบไม่จำกัดต้องเสียเงิน)
- ต้องติดตั้งแอพเพิ่มเติมหากต้องการเครื่องมืออื่น ๆ เช่น ตัวแปลงสกุลเงิน เครื่องคำนวณดอกเบี้ย ข้อความจากธนาคาร และรายการสำหรับ ของที่ต้องซื้อ
- ไม่รองรับภาษาไทย
- ราคาถือว่าค่อนข้างแพงเมื่อเทียบกับ แอพออมเงิน อื่น ๆ
เหมือนกับหลาย ๆ สิ่งบนโลกนี้ที่มีขาวก็ย่อมมีดำ ในสิ่งที่ดีย่อมมีข้อเสียแอพนี้ก็เช่นกัน แต่ถ้าหากใครคิดว่าต้องการใช้ในด้านดีและยอมรับในข้อเสียของแอพนี้ได้ก็ไม่ใช่เรื่องผิดอะไรที่จะดาวน์โหลดมาใช้เพราะเป้าหมายคือให้เราจัดการค่าใช้จ่ายได้ง่ายขึ้นเท่านั้นเอง
3. Money Manager: Expense tracker, Free Budgeting App
Money Manager เป็นแอพจัดการค่าใช้จ่ายอีกตัวหนึ่งที่มีความเรียบง่าย น่าใช้มาในธีมสีพาสเทล เหมาะกับมือใหม่สุด ๆ นอกจากนี้ยังฟรีอีกด้วย และมีจุดเด่นไม่แพ้ใครดังนี้
- เข้าถึงง่ายสำหรับผู้ใช้มือใหม่ ไม่มีข้อความซับซ้อนชวนให้ปวดหัว
- บันทึกรายรับ-รายจ่ายได้ง่ายเพียงแค่พิมพ์ตัวเลข เลือกหมวดค่าใช้จ่ายก็จบแล้ว
- รายงานการใช้จ่ายเป็นแผนภูมิแบบวงกลมแบ่งเป็นประเภทต่าง ๆ ทำให้ง่ายต่อการเข้าใจ
- มีไอคอนน่ารักให้เลือกใช้ตามหมวดหมู่มากมาย
- จัดการบิลได้โดยแยกเป็น สัปดาห์ เดือนและปี ตามหมวดหมู่ โดยจะมีการแจ้งเตือนเมื่อถึงเวลาจ่ายเงิน
- ตั้งการแจ้งเตือนเพื่อเตือนให้คุณมาบันทึกค่าใช้จ่ายได้เดี๋ยวแอพเดียวกันนี้
- ไม่มีโฆษณาหรือการจำกัดการเข้าถึงมาทำให้กวนใจ
- มีภาษารองรับหลากหลายประกอบด้วย อังกฤษ, จีน, ญี่ปุ่น, เกาหลี, รัสเซีย, สเปน, โปรตุเกส, ฮินดี, อินโดนิเซีย, เยอรมันและฝรั่งเศส
มีข้อด้อยเพียงเล็กน้อย
- ไม่สามารถเชื่อมบัญชีธนาคารกับบัตรเครดิตเข้ามาในแอพ
- ไม่มีฟังก์ชันหลากหลายมากนัก
- ไม่รองรับภาษาไทย
ใครต้องการตามหาแอพที่มีความเรียบง่าย สบายตา มีไม่อะไรซับซ้อน ฟังก์ชันไม่ต้องเยอะมากแนะนำ Money Manager เลย แล้วคุณจะหลงรักการจัดการค่าใช้จ่ายได้แบบไม่รู้ตัว
4. Spendee: Budget and Expense Tracker & Planner
แอพอีกตัวที่มาในโทนเรียบ ๆ แต่ฟังก์ชันที่มีนั้นเรียกว่าไม่แพ้แอพอื่น ๆ เลย โดยจะช่วยให้การจัดการเรื่องเงินเป็นไปได้อย่างราบรื่นโดยมีฟังก์ชันที่เหมาะกับการเป็นที่ชื่นชอบของหลาย ๆ คนมากมายอย่างเช่น
- เชื่อมต่อบัญชีธนาคารกับบัตรเครดิตโดยมีการรับรองความปลอดภัยและคุณก็จะสามารถรับรู้ทุกการใช้จ่าย ทำให้ประหยัดเวลาไม่ต้องเสียเวลาซ้ำซ้อน
- บันทึกค่าใช้จ่ายได้ง่าย ใช้เวลารวดเร็ว
- ติดตามการใช้เงินจากการรายงานผลในทุก ๆ เดือน
- ไม่ลืมจ่ายบิลใด ๆ อีกต่อไปเนื่องจากมีการแจ้งเตือนจากแอพนี้
- ตั้งเป้าหมายการใช้จ่ายได้ง่ายและรวดเร็วทำให้ การออมเงินไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป
- จำกัดการใช้จ่ายในแต่หมวดหมู่หรือตั้งจำนวนเงินทั้งหมดที่สามารถใช้ได้
- มีสกุลเงินหลายหน่วย ทำให้ทุก ๆ การแลกเงินเพื่อไปเที่ยวเป็นไปด้วยความสะดวก
- แชร์ข้อมูลกับคนในครอบครัวหรือเพื่อนได้
- ครอบคลุมทุกการใช้จ่ายในบ้าน ทำให้สามารถวางแผนทางการเงินได้รัดกุมมากขึ้น
แต่ก็มีจุดด้อยบางอย่าง เช่น
- ยังไม่รองรับธนาคารในไทยมากนัก
- ไม่มีภาษาไทย
Spendee ถือได้ว่าเป็นแอพอีกตัวที่ใช้งานเบื้องต้นได้อย่างครอบคลุม หากใครยังไม่มีแอพไหนในใจ ลองใช้แอพนี้ดูแล้วจะร็ว่ามันช่วยให้ชีวิตคุณจัดการเรื่องเงินได้ดีขึ้นจริงหรือไม่
5.Piggipo
เชื่อว่าคนที่ต้องการจัดการเรื่องเงินที่อ่านมาถึงตรงนี้ส่วนใหญ่ต้องมีบัตรเครดิตอย่างน้อยคนละหนึ่งใบ เพราะเป็นสิ่งที่พกพาสะดวก ใช้งานง่าย ใคร ๆ ก็อยากมี แต่ต้องห้ามลืมว่าบัตรเครดิตนี้คือเงินในอนาคตของเรานะ ถ้าเราใช้เงินในอนาคตมากไปจนเกินกว่างบเงินปัจจุบันชีวิตก็ต้องเจอเรื่องยากแน่ ๆ อย่างน้อยถ้าเราจ่ายไม่ทันแม้แต่วันเดียวดอกเบี้ยก็ไล่ตามมาแล้ว ยิ่งมีบัตรหลายใบยิ่งต้องเจอเรื่องปวดเป็นประจำแน่นอน เราจึงขอแนะนำ Piggipo ไว้ช่วยจัดการปัญหาบัตรเครดิตที่แสนจะยุ่งเหยิงกัน ซึ่งแอพตัวนี้ก็มีข้อดีมากมาย อย่างเช่น
- สามารถรวมยอกค่าใช้จ่ายของบัตรเครดิตแต่ละใบ ตามยอดบิลจริงของแต่ละบัตร ทำให้คุณจะรู้ถึงสถานะการเงินของบัตรแต่ละใบได้ชัดเจนมากขึ้น
- มีลูกเล่นน่ารักสอดแทรกอยู่เสมอ ทำให้การจัดการบัตรเครดิตไม่ใช่เรื่องน่าเบื่ออีกต่อไป เช่นมีตัวการ์ตูนที่เมื่อเราใช้ยอดเงินใกล้ถึงจำนวนที่ตั้งไว้ ตัวการนั้นก็จะแสดงสีหน้าเศร้าทำให้เราระลึกได้อีกทางหนึ่งว่าเงินเราจะหมดแล้วนะ
- มีระบบการคำนวณแบบผ่อนชำระ ที่จะช่วยให้คุณได้ใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ
- บันทึกค่าใช้จ่ายของบัตรเครดิตแต่ละใบได้ง่ายขึ้น หมดปัญหาต้องเก็บสลิปไว้ดูตอนหลัง
- มีระบบเตือนรอบวันจ่ายเงินที่จะช่วยให้คุณได้จ่ายตรงทุกรอบ ไม่ต้องเสียเงินเพิ่มเพราะค่าลืม
- ไม่ต้องใส่ข้อมูลบัตรเครดิตเลย ละมีระบบป้องกันความปลอดภัยที่ใช้แบบเดียวกับธนาคารทั่วโลก
- แอพผลิตโดยคนไทย ข้อมูลเป็นภาษาไทย ง่ายต่อการใช้งาน
แอพนี้ก็ยังมีข้อจำกัดอยู่บ้าง ได้แก่
- ยังมีฟังก์ชันไม่เยอะเมื่อเทียบกับแอพจัดการบัตรเครดิตอื่น ๆ
หลายคนอาจจะยังกลัวการใช้บัตรเครดิตเนื่องจากมีประสบการณ์ไม่ดีต่าง ๆ แต่วันนี้มีแอพที่จะช่วยแก้ปัญหาเหล่านั้นแล้ว ลองหยิบมือถือขึ้นมาแล้วดาวน์โหลด Piggipo มาใช้ดู แล้วจะรู้ว่าบัตรเครดิตไม่ใช่เรื่องน่ากลัวอีกต่อไป
นอกจากตั้งเป้าหมายและความมีวินัยจะเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้การออมเงินประสบผลสำเร็จแล้ว การใช้ แอพออมเงิน ก็เป็นอีกตัวช่วยหนึ่งที่จะทำให้ความสำเร็จนั้นเป็นไปได้ง่ายมากยิ่งขึ้น หวังว่า แอพออมเงิน ที่แนะนำนี้จะเป็นประโยชน์ต่อผู้อ่านให้จัดการเรื่องการเงินได้อย่างง่ายดายกันทุกคน ลองเลือกรูปแบบที่คุณชอบไปใช้งานรับรองว่าการเงินของคุณจะดีขึ้น