Master Card & VISA คืออะไร และต่างกันอย่างไร อยากรู้ เชิญทางนี้

หากคุณเป็นคนหนึ่งที่กำลังมองหา หรือต้องการทำบัตรเครดิตใหม่ เชื่อว่าในหลาย ๆ คนอาจสงสัยว่า ระหว่าง Visa กับ Mastercard นั้น มีความแตกต่างกันอย่างไร และแบบไหนถึงจะเหมาะกับเรา ดังนั้นเพื่อช่วยให้คุณได้ตัดสินใจง่ายขึ้น สำหรับระหว่าง Visa กับ Mastercard นั้น โดยทั้งสองบัตรนี้อาจมีความแตกต่างเพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้น แต่หากต้องทำการตัดสินใจระหว่างบัตร Visa กับ Mastercard นั้น ผู้คนโดยส่วนใหญ่จะเน้นให้ความสนใจในเรื่องของ ธนาคารผู้ออกบัตรจะนำเสนอบัตรเครดิตประเภทไหน บัตรเครดิตแต่และบัตรมีสิทธิประโยชน์อย่างไร บัตรเครดิตนั้น ๆ มีการจัดโปรโมชั่นอะไรบ้าง เช่น การผ่อนชำระ 0% หรือ Cashback เป็นต้น

Visa กับ Mastercard คืออะไร ใช้งานอย่างไร และต่างกันอย่างไร

  • Visa กับ Mastercard คืออะไร

อาจเป็นคำถามที่มากที่สุดเลยก็ว่าได้ Visa กับ Mastercard คืออะไร แต่สิ่งแรกที่คุณต้องรู้ก่อนคือว่า Visa กับ Mastercard ไม่ได้เป็นผู้ออกบัตรเครดิต แต่เป็นเพียงแค่ตัวกลางในการชำระเงิน โดยทำการดำเนินการระหว่าง ร้านค้า กับสถาบันการเงิน โดยสถานบันการเงิน ยังสามารถแบ่งออกได้เป็นสองส่วนคือ

1. สถาบันการเงินที่ออกบัตร

2. สถาบันการเงินเจ้าของเครื่องรูดบัตร ที่ต้องติดตั้งภายในร้านค้า

โดยทั้ง Visa กับ Mastercard นั้น มีเครือให้บริการอยู่ทั่วทุกมุมโลก อีกทั้งยังได้รับการยอมรับจากสถาบันสากล ว่าเป็น worldwide มากที่สุด ดังนั้นหากจะถามว่า ตัวที่จะบ่งบอกความแตกต่างของ Visa กับ Mastercard นั้นคือ ต้องดูที่ ธนาคารผู้ออกบัตร ทั้งในเรื่องของอัตราดอกเบี้ย การแลกเปลี่ยนของรางวัล หรือการแลกแอร์ไมล์ เป็นต้น ส่วนฟังก์ชั่นหลักก ๆ ที่บรรดาเครือข่ายเหล่านี้ ไม่ใช่มีแค่เพียง Visa กับ Mastercard เท่านั้น แต่ยังรวมไปถึง JCB, Unionpay, AmericanExpress ทั้งนี้ ก่อนที่จะเลือกว่าจะเปิดบัตรกับธนาคารอะไร ควรที่จะต้องศึกษาข้อมูล เปรียบเทียบหลาย ๆ ธนาคารให้ดีเสียก่อน เพราะอย่างที่เราบอกไปแล้วนั้นว่า แต่ละธนาคารนั้น มีทั้งผลประโยชน์ที่เป็นทั้งส่วนได้ และส่วนเสียที่ไม่เหมือนกัน

  • ความแตกต่างระหว่าง Vista และ Mastercard

เป็นที่แน่นอนว่า หากทุกเครือข่ายเหมือนกันหมดนั้น คงไม่มีการแข่งขันเกิดขึ้น ซึ่งความเป็นจริงแล้วนั้น มีเป็นจำนวนมากอีกด้วย โดยการแข่งขันเพื่อเรียกลูกค้านั้น ขึ้นอยู่กับสิทธิพิเศษที่นอกเหนือจากที่ธนาคารจัดหาให้ ซึ่งในหลาย ๆ ท่านอาจยังไม่รู้ว่า นี่คือสาเหตุทำไมเราเห็นบางบัตรเป็น visa ธรรมดา หรือที่เรียกว่า visa classic ในขณะเดียวกันอีกบัตรถูกเรียกว่า Vista Gold, Visa Platinum, Visa Signature และ Visa Infinite และค่าธรรมเนียมของเครือข่ายวีซ่าของบัตรเหล่านี้ ที่เก็บจากธนาคาร ก็มีความแตกต่างกันออกไป เนื่องจากว่า มีสิทธิพิเศษที่เหนือกว่า และยังต้องการที่จะแข่งขันกับทางฝั่ง mastercard ที่ยังมีความแตกต่างของบัตรเครดิตในแต่ละระดับเหมือนกัน เช่น Mastercard Standard, Gold, Titanium เป็นต้น แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น หากดูความแตกต่างระหว่างเครือข่ายสิ่งแรกคือ การเข้าถึง ซึ่งหากดูกันจริง ๆ ในระดับโลกนั้น Visa ดูมีภาษีในเรื่องของความแพร่หลายในการให้บริการมากกว่า Mastercard เรื่องต่อมาคือ คงเป็นเรื่องของมาตรการปกป้องผู้ถือบัตร ซึ่งการเป็นการซื้อสินค้าผ่านบัตร Mastercard และสินค้าเกิดมีปัญหา Mastercard มีมาตรการคืนสินค้าได้ หากสินค้านั้นไม่ตรงกับที่โฆษณาไว้ ในส่วนสุดท้าย ส่วนที่สามนี้คือ เรื่องการป้องกันในกรณีถือบัตรไปท่องเที่ยวยังต่างแดน โดยที่ Mastercard มีการเสนอประกัน ในกรณีที่คุณยกเลิกทริปที่คุณวางแผนจะท่องเที่ยวไว้ ในขณะที่ Visa เสนอการประกันอุบัติเหตุ และทุพพลภาพเข้าไปด้วย

Visa กับ Mastercard เรทไหนดีกว่ากัน

สำหรับบัตร Visa กับ Mastercard อย่างที่เรากล่าวไปข้างต้นนี้แล้วว่า มีหลากหลายสถาบันการเงินให้เราเลือก อยู่ที่ว่าเราจะเลือกผู้ให้บริการระหว่าง Visa กับ Mastercard โดยให้คุณดูจากสิทธิประโยชน์พื้นฐานของบัตรเครดิตใบนั้น ๆ แต่นอกจากนี้แล้ว หากต้องวัดกันที่เครือข่าย Visa กับ Mastercard แล้วนั้น เป็นที่แน่นอนว่า Visa มีความครอบคลุมในแทบเอเชียของเรา โดยนำหน้า Mastercard ไปเยอะมากเช่นกัน เช่น วีซ่าเพยเวฟ เป็นบัตรเครดิตที่ไม่ตำเป็นต้องผ่านการรูดบัตร เมื่อไม่ต้องผ่านการรูดบัตรแล้วนั้น ก็ไม่ต้องเสี่ยงกับการถูกขโมยข้อมูลผ่านแถบแม่เหล็ก แม้ Mastercard จะยังไม่มี แต่สิทธิประโยชน์ของ Mastercard ในด้านอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็น ประกันคุ้มครองการสั่งซื้อทางด้านออนไลน์ หรือหากไฟล์ทบินเลทเกิน 2 ชั่วโมง สามารถขอเข้าบริการที่ Lounge TM ได้ แต่ถ้าถามว่า เรทไหนดีกว่ากันนั้น หลายต่อหลายเสียงบอกต่อเป็นเสียงเดียวกันว่า Mastercard เรทจะดีกว่า เพราะอย่างที่ทราบกันเป็นอย่างดีแล้วว่า ในการแต่ละครั้งที่เราจะรูดนั้น จำเป็นต้องรู้ก่อนว่า ในการรูดด้วยเรทต่างประเทศนั้น นอกจากอัตราแลกเปลี่ยนในแต่ละวันแล้ว ยังมีค่าความเสี่ยงในการแลกเปลี่ยนสกุลเงิน ที่ไม่เกิน 2.5% อีกด้วย ถือเป็นอีกหนึ่งที่หลาย ๆ คนเข้าผิด คือ เรทที่จ่ายจะขึ้นอยู่แต่ละธนาคาร ซึ่งไม่ใช่เลยครั้ง เพราะเรทตรงนี้ขึ้นอยู่กับเครือข่ายผู้ให้บริการ

บัตร Visa กี่ประเภท และ บัตร Mastercard มีกี่ประเภท

Visa

บัตรประเภทวีซ่ามีหลากหลายระดับดังนี้

  • Visa Classic เป็นบัตรพื้นฐานของบัตรวีซ่า ซึ่งมีสิทธิประโยชน์ ความช่วยเหลือทุกแห่งทั่วโลก 24 ชม. ไม่เว้นวันหยุด รับบัตรทดแทนในเวลาฉุกเฉิน, และเบิกถอนเงินสดฉุกเฉิน
  • Visa Gold จะได้รับสิทธิประโยชน์เช่นเดียวกับ Visa Classic พร้อมทั้งยังได้รับข้อเสนอพิเศษจากร้านค้า แหล่งท่องเที่ยว สถานบันเทิงชั้นนำทั่วโลก และภัตตาคาร
  • Visa Platinum มีสิทธิประโยชน์ คือ มีผู้ดูแลส่วนตัว 24 ชม. มีประกันอุบัติเหตุระหว่างเดินทาง ทั้งผู้ถือบัตร คู่สมรส และบุตร ในวงเงินขั้นต่ำ $500,000 ขึ้นไป มีโบนัสในการเดินทาง โดยได้รับการต้อนรับระดับวีไอพีระหว่างเดินทาง สะสมคะแนนแลกของรางวัล และเอกสิทธิ์ได้รับเชิญรับประทานอาหารมื้อคำสุดหรู หรืองานเปิดแกลลอรี่ต่าง ๆ
  • Visa Signature ได้รับสิทธิประโยชน์ที่แตกต่างจากระดับแพลทินัม ดังนี้ คะแนนสะสมเพื่อแลกรับรางวัลพิเศษ มีผู้ดูแลส่วนตัว ประกันอุบัติเหตุการเดินทาง สิทธิพิเศษที่สนามบิน สิทธิประโยชน์จากโรงแรม และสิทธิพิเศษส่วนลดสนามกอล์ฟกว่า 300 แห่งจากทั่วโลก
  • Visa Infinite ถือเป็นระดับสูงสุดของบัตร Visa มีสิทธิพิเศษ มีผู้ดูแลวส่วนตัวถึงที่บ้าน รวมไปถึงในต่างประเทศด้วย ตลอด 24 ชม. ไม่มีวันหยุด ประกันอุบัติเหตุการเดินทางขั้นต่ำ $1,000,000 ขึ้นไป ห้องรับรองพิเศษของสนามบินทั่วโลก ส่วนลด 75% จากโรงแรมกว่า 55,000 แห่งทั่วโลก

Master Card

Mastercard paypass

มาสเตอร์การ์ดนั้นมี 5 ประเภท เช่นเดียวกับ Visa ได้แก่

  • Mastercard Standard มีสิทธิประโยชน์ บริการช่วยเหลือตลอด 24 ชม. ไม่มีวันหยุด และเงินฉุกเฉิน
  • Mastercard Gold มีสิทธิประโยชน์ บริการช่วยเหลือบนท้องถนน เช่น ส่งน้ำมันฉุกเฉิน เปลี่ยนยาง เป็นต้น บริการผู้ช่วยเหลือระหว่างเดินทาง ติดต่อสถานทูตในกรณีฉุกเฉิน รวมไปถึงเรื่องแพทย์ และทนายความ ที่สามารถพูดภาษาของคุณได้
  • Mastercard Platinum มีบริการ Purchase Assurance ที่ช่วยคุ้มครองสินค้าที่คุณซื้อผ่านบัตร ในกรณีสูญหาย หรือถูกขโมย ภายใน 90 วัน บริการผู้ช่วยเหลือระหว่างเดินทาง และบริการผู้ช่วยทางด้านการเงิน ช่วยจัดการการเงินของคุณ ทั้งเตรียมการด้านภาษี และบริหารจัดการเงินของคุณ
  • Mastercard World มีสิทธิประโยชน์ ที่ปรึกษาการเดินทางส่วนบุคคล มีการคุ้มครองเพิ่มเป็น 120 วัน และสิ่งอำนวยความสะดวกในโรงแรมเพิ่มเติม เช่น ฟรีอาหารเช้า เช็คเอาท์ข้าได้ และการอัพเกรดห้องพัก
  • Mastercard World Elite ถือเป็นบัตรสูงสุดของมาสเตอร์การ์ด โดยมาพร้อมกับสิทธิประโยชน์อย่างมหาศาล เช่น ให้บริการราคาพิเศษกับร้านค้าที่ร่วมรายการ หรือบริการเช่ารถ ราคาสุดพิเศษสำหรับค่าตั๋วเครื่องบิน และการล่องเรือ หรือจะเป็นแพคเกตท่องเที่ยงสำหรับวันหยุด

อย่างไรก็ตามทั้ง Visa กับ Mastercard ก็น่าใช้ทั้งคู่ อยุ่ที่ว่าบัตรแต่ละประเทภนั้น ตรงกับไลฟ์สไตล์ของใคร และสุดท้ายแล้ว เวลาที่จะสมัครบัตรส่วนใหญ่นั้น มักดูที่โปรโมชั่น และสิทธิพิเศษของธนาคาร หรือผู้ให้บริการบัตรเครดิตมากกว่าเป็นหลักอยู่แล้ว ต่อไปในครั้งหน้า หากคุณต้องการเลือกบัตรเครดิต หรือตัดสินใจไม่ได้ว่า จะเลือกทำ Visa กับ Mastercard ขอให้นึกถึงบทความนี้ อาจมีประโยชน์ต่อคุณในภายภาคหน้าครับ

 

More To Explore

cheapminimotorcycle
เครื่องรูดบัตร