หากคุณเป็นเจ้าของรถอยู่คุณควรทราบว่าไม่เพียงแค่เรื่องของการจ่ายภาษีรถเท่านั้นที่เป็นหน้าที่ของเจ้าของรถแต่ยังมีเรื่องของการนำรถไป ตรวจ ตรอเพื่อเช็คสภาพรถอีกด้วยเช่นกัน ซึ่งสำหรับเจ้าของรถที่ยังไม่มีประสบการณ์ในการนำรถไปตรวจกับ ตรอ วันนี้เรามีข้อมูลดี ๆ ในการเตรียมตัวเพื่อนำรถไปตรวจสภาพกับ ตรอ หรือตรวจสภาพรถเอกชนมาให้คุณได้ทราบ ว่าแต่มีข้อมูลอะไรบ้างที่คุณจำเป็นต้องรู้เรามาดูกันเลยดีกว่า
เจ้าของรถบางท่านอาจจะยังไม่เข้าใจว่าการตรวจนั้นไม่ได้เป็นเพียงแค่การรักษาหน้าที่ในการเป็นเจ้าของรถที่ดีที่ต้องปฏิบัติตามกฎหมายเท่านั้น แต่การตรวจ ตรอ ยังสามารถทำให้คุณสามารถนำรถไปต่อภาษีได้แบบไม่ต้องเป็นกังวล อีกทั้งหลังจากที่คุณนำรถไปตรวจแล้วยังถือว่าเป็นการได้เช็คสภาพรถไปในตัวอีกด้วย เพราะคุณจะได้ทราบว่ามีส่วนใดของรถบ้างที่จะต้องได้รับการแก้ไขหรือซ่อมแซมเพื่อให้รถยังสามารถใช้งานได้ตามปกติ ซึ่งการทราบถึงสภาพของรถนั้นการขับรถบนท้องถนนไม่เกิดอุบัติเหตุจากเครื่องยนต์หรืออุปกรณ์ของรถที่ไม่พร้อมใช้งานแต่ถูกนำมาวิ่งบนท้องถนนได้
การนำรถไปตรวจ ตรอ นั้นเป็นสิ่งที่ถูกกำหนดเอาไว้ตามกฎหมายซึ่งอยู่ในพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ. 2522 โดยข้อความสำคัญได้บอกเอาไว้ว่ารถยนที่มีการใช้ในการขับขี่หรือใช้ในการขนส่งนั้นจะต้องนำไปตรวจกับ ตรอ เพื่อเช็คสภาพการทำงานของอุปกรณ์ของรถเพื่อให้รถนั้นมีสภาพการทำงานที่ดี แข็งแรง หากมีส่วนใดส่วนหนึ่งของรถชำรุด เสียหาย หรือต้องได้รับการซ่อมแซมนั้นก็ควรได้รับการแก้ไขนั่นเอง อีกทั้งหน้าที่ในการนำรถไปตรวจนั้นเป็นหน้าที่ของเจ้าของรถที่จะต้องนำรถไปเช็คสภาพก่อนที่จะนำรถไปเสียภาษีนั่นเอง หากเจ้าของรถที่ไม่นำรถไปตรวจสสภาพก็จะไม่สามารถต่อภาษีรถได้และจะต้องเสียค่าปรับที่ไม่นำรถไปตรวจอีกด้วย
สิ่งที่คุณจะต้องเตรียมไปเพื่อใช้ในการตรวจ ตรอ นั้นก็คือเอกสารเกี่ยวกับรถของคุณนั่นเอง ไม่ว่าจะเป็น สมุดคู่มือจดทะเบียนหรือภาษาที่เจ้าของรถทั่วไปใช้เรียกกันนั่นก็คือเล่มทะเบียนรถนั่นเอง รวมถึงเอกสารประวัติเบื้องต้นเกี่ยวกับรถว่าเคยมีประวัติการเกิดอุบัติเหตุมาก่อนหรือไม่ ซึ่งเอกสารเหล่านี้เป็นเอกสารที่เจ้าของรถมักจะพกติดกับรถเอาไว้อยู่แล้ว แต่ก่อนไปตรวจนั่นคุณควรเช็คดูว่าคุณได้เตรียมเอกสารต่าง ๆ เหล่านี้เอาไว้พร้อมแล้วหรือเปล่า
- เตรียมเงินก่อนไปตรวจ ก่อนอื่นคุณต้องทราบก่อนว่าการตรวจนั้นไม่ได้เป็นการตรวจที่ฟรีหรือไม่มีค่าใช้จ่าย ในทางตรงกันข้ามคุณจะต้องเสียค่าใช้จ่ายในการตรวจให้กับเจ้าหน้าที่ ซึ่งนอกจากเรื่องเอกสารแล้วยังมีเรื่องของค่าจ่ายที่เจ้าของรถควรเตรียมไปด้วยเพื่อไม่ให้การนำรถไปเช็คสภาพนั้นเสียเที่ยว
- เตรียมรถให้พร้อม เจ้าของรถบางคนอาจจะยังไม่ทราบว่าหากรถที่นำไปตรวจนั้นไม่มีสภาพที่เหมาะสมกับการใช้งานหรือไม่ได้เป็นรถที่อยู่ในสภาพที่ถูกต้องตามกฎหมายนั้นจะทำให้คุณต้องนำรถไปแก้ไขซ่อมแซมเพื่อให้ได้สภาพรถที่ถูกต้องตามคำสั่งของเจ้าหน้าที่ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของระบบควัรจากท่อไอเสีย สภาพไฟแต่ละดวงของรถ หรือแม้แต่จะเป็นเสียงของรถเองก็มีผลต่อการตรวจของรถอีกด้วย ฉะนั้นหากรถของคุณมีปัญหาเรื่องดังกล่าวนั้นควรเตรียมตัวแก้ไขเอาไว้ก่อนเพื่อไม่ให้เป้นการเสียเวลาต้องไปตรวจหลายรอบ
- ตรอ ใกล้บ้านพร้อมให้คุณนำรถไปตรวจ สมัยนี้คุณไม่จำเป็นต้องนำรถไปตรวจไกลบ้านก็ได้ เพราะมี ตรอ ที่เปิดบริการอยู่หลายแห่ง ทั้ง ตรอ ของหน่วยงานกรมขนส่งทางบกเองก็ดีหรือจะเป็น ตรอ เอกชนที่ได้รับการอนุญาตให้ตรวจก็มีให้บริการเหมือนกัน ฉะนั้นหากคุณกำลังจะนำรถคันโปรดไปตรวจแล้วล่ะก็อย่าลืมหา ตรอ ใกล้บ้าน จะได้ไม่ต้องขับรถไปไกลยังไงล่ะ
- รถที่สามารถนำไปตรวจกับหน่วยงานกรมการขนส่งทางบกหรือ ตรอที่ได้รับอนุญาตจากกรมการขนส่งทางบกก็ได้ คือ รถจักรยานยนต์ รถยนต์ส่วนบุคคลและรถของหน่วยงานราชการ
- รถที่จะต้องนำไปตรวจกับกรมการขนส่งทางบกเท่านั้น คือ รถที่มีสภาพเก่าหรือเลขทะเบียนเป็นรุ่นเก่า รถมีการดัดแปลงสภาพมีการเปลี่ยนสีหรือเปลี่ยนเครื่องยนต์ รถที่ขาดการต่ออายุทะเบียนเกิน 1 ปี และรถที่มีปัญหาเกี่ยวกับการถูกโจรกรรมแล้วได้คืน
ค่าใช้จ่ายในการที่ควรรู้
- รถยนต์น้ำหนักเปล่าไม่เกิน 1,600 กิโลกรัม จะต้องเสียค่าตรวจคันละ 150 บาท
- รถยนต์น้ำหนักเปล่าเกิน 1600 กิโลกรัม จะต้องเสียค่าตรวจคันละ 250 บาท
- รถจักรยานยนต์ จะต้องเสียค่าตรวจคันละ 60 บาท
การตรวจ ตรอ นั้นไม่ได้มีค่าใช้จ่ายที่มากมายเลย แล้วยังเป็นการทำให้เจ้าของรถได้ทราบถึงสภาพรถของตัวเองอีกด้วย หากคุณกำลังเป็นเจ้าของรถอยู่อย่าลืมนำรถของตัวเองไปตรวจเมื่อถึงเวลาเพื่อทำหน้าที่ในการเป็นเจ้าของรถที่ดีและถือว่าเป็นการได้ดูแลสภาพรถไปในตัวด้วยยังไงล่ะ สามารถติดตามบทความเพิ่มเติมได้ ที่นี่..