แต่ละคนความชอบไม่เหมือนกัน บางคนชื่นชอบความแรง โดยเฉพาะรถยนต์ที่แรง ๆ จะตอบโจทย์กับคนเหล่านี้เป็นอย่างมาก ซึ่งถ้าจะให้พูดถึง รถแรง หลายคนคงนึกไปถึง Porche , Lamborghini หรือ Ferrari เป็นต้น ซึ่งแน่นอนว่ารถเหล่านี้คงเป็นที่ทราบกันดีถึงความเร็วแรงได้ แต่ก็ต้องแลกกับราคาที่ต้องใช้คำว่าอภิมหาแพงในราคา 8 หลักหรือบางรุ่นบางคันสูงถึง 9 หลักเลยทีเดียว แต่เชื่อหรือไม่ว่ารถยี่ห้อทั่วไปอย่าง Honda , Subaru , Toyota , Mazda , Hyundai เหล่านี้ก็สามารถตอบโจทย์คนชอบความแรงได้เช่นกัน อีกทั้งราคาก็หารสิบจากสามยี่ห้อก่อนหน้านี้อีกด้วย โดยจะมีรุ่นอะไรบ้างนั้น สามารถศึกษาได้จากบทความนี้เลย
Honda CR-Z
รุ่นปีล่าสุดราคาไม่ถึง 2 ล้านบาท แต่ถูกออกแบบมาด้วยนวัตกรรมสปอร์ตสุดเร้าใจตอบโจทย์นักซิ่งสายฟ้าแลบ ด้วยดีไซน์ที่เป็นเอกลัษณ์และเครื่องยนต์ไฮบริดเพื่อตอบโจทย์ความแรงแต่ประหยัดน้ำมันได้ถึง 15.31/16.58กม.ลิตร เพราะเป็นเครื่องยนต์ที่ใช้น้ำมันและขุมพลังไฟฟ้าผสมผสานกัน ทำให้ขับเคลื่อนที่ได้เต็มสมรรถนะ เหมาะกับการจราจรในกรุงเทพหรือจะวิ่งทางไกลไปต่างจังหวัดก็ไม่มีปัญหา อีกทั้ง Option ภายในก็ครบครันสะดวกสบายต่อการใช้งาน โดยรวมแล้วตอบโจทย์ขาซิ่งได้ในราคาเอื้อมถึง เหมาะกับการใช้งานในทุกสภาพการจราจร
Subaru BRZ
ราคา 2 ล้านต้น ๆ เป็ย รถแรง ที่ถูกออกแบบด้วยดีไซน์โฉบเฉี่ยว มีความคล้ายกับ Toyota 86 มากแต่รุ่นนี้จะมีการติดครีบฉลามเพื่อสร้างกระแสลมให้ตัวรถทำการเข้าโค้งได้อย่างหนึบ ๆ เครื่องยนต์ใช้ 2.0 ลิตร 4 สูบ ให้กำลัง 204 แรงม้าและแรงบิด 156 ปอนด์-ฟุต ส่งกำลังผ่านเกียร์ธรรมดาหกสปีดหรือสามารถเลือกใช้เกียร์อัตโนมัติหกสปีดได้เช่นเดียวกัน ถือว่าแรงกว่า Honda CR-Z นิดหน่อยแต่ราคาก็เช่นกัน จะเลือกเกียร์ธรรมดาก็ขับสนุก หรือจะแบบเกียร์ออโต้ก็ดูโฉบเฉี่ยวทันสมัย หากเทียบราคากับคุณภาพแล้วนับว่าถูกมากเลยทีเดียว ใครที่ชื่นชอบความเร็วไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง
Toyota 86
อย่างที่กล่าวข้างต้นแล้วว่า รถแรง Toyota 86 มีความคล้ายคลึงกับ Subaru BRZ ราวกับฝาแฝดที่คลานตามกันมา แต่ความแตกต่างอยู่ที่ Toyota 86 ถูกเซ็ทอัพช่วงล่างให้ตัวรถมีอาการ ‘โอเวอร์-สเตียร์’ (Oversteering) ซึ่งจะทำให้ง่ายต่อการดริฟท์ ด้วยขุมพลังเครื่องยนต์บ็อกเซอร์ (สูบนอน) 200 แรงม้า ที่ 7,000 รอบ/นาที ใช้เชื้อเพลิงเบนซิน ความจุ 2 ลิตร ไร้ระบบอัดอากาศ กำลังอัด 12.5:1 ระบบส่งกำลัง เกียร์ 6 สปีด ดีไซต์โฉบเฉี่ยว ไฟหน้า LED ภายในสวยสไตล์สปอร์ตและมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ไม่ว่าจะเป็นระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (Cruise control) มีมาตรวัดความเร็วแบบดิจิตอล ถูกใจสายซิ่งอย่างแน่นอน ซึ่งราคาเกียร์ธรรมดาอยู่ที่ 2.5 ล้านและเกียร์ออโต้อยู่ที่ 2.7 ล้านบาทเท่านั้นเอง
Mazda MX-5
เป็นรถระดับสปอร์ต 2 ที่นั่ง น้ำหนักเบาสุด ๆ สามารถเปิดประทุนได้ มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซิน 2.0L Skyactiv-G (1,998 ซีซี.) กำลังสูงสุด 160 แรงม้า รองรับน้ำมัน E20 จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ มี Skyactiv ที่ช่วยในเรื่องของการประหยัดน้ำมัน ทำให้รถรุ่นนี้มีความแรงแบบจัดเต็มแต่ก็ประหยัดน้ำมันไปด้วยในตัว ด้านการรักษาความปลอดภัยก็ทำออกมาได้ดีด้วยเซนเซอร์ด้านหลัง 4 จุด ระบบเบรก ABS หายห่วงเรื่องเบรกแล้วล้อฟรีไปได้เลย โดยรวมแล้วสนนราคา 2.9 ล้านบาท ด้วย Option ขนาดนี้ถือว่าไม่แพงเลย
Hyundai Veloster
รถยนต์สัญชาติเกาหลี ยี่ห้อ Hyundai แม้จะไม่ได้รับความนิยมในไทยมากนัก แต่รุ่นนี้ห้ามพลาดโดยเด็ดขาด ด้วยคอนเซปต์ในการออกแบบของ Hyundai คือ “Fluidic Sculpture Design” ทำให้รูปลักษณ์ที่ออกมาดูสมดุลอย่างบอกไม่ถูก หากใครได้ลองเทสไดรฟ์แล้วจะรู้สึกถึงความคล่องแคล่วในการขับด้วยเครื่องยนต์ ขนาด 1.6 ลิตร 4 สูบ ขับเคลื่อนล้อหน้า กำลัง 138 แรงม้าที่ 6300 รอบ มีทั้งระบบเกียร์ธรรมดาและระบบเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด อัตราการใช้น้ำมันที่ 11.05/14.88กม./ลิตร(ในเมือง/บนทางหลวง)ระบบความปลอดภัยในการขับขี่ จัดหนักด้วยระบบเบรค ABS, BA, EBD และดิสก์เบรก 4 ล้อ ฟังก์ชั่นขนาดนี้กับราคาที่ถูกเพียง 1.8 ล้านบาท สำหรับคนที่กำลังหา รถแรง ไม่ซื้อไม่ได้แล้ว
จาก 5 รุ่น รถแรง เหมาะกับสายซิ่งที่กล่าวมานี้ ทำให้ทราบได้เลยว่ารถแรง ๆ ไม่จำเป็นต้องแพงเสมอไป หากไม่ได้ยึดติดกับแบรนด์รถยนต์ที่จะต้องเป็นรถยุโรปหรูหราอะไรมากนัก รถแถบเอเชียก็มีสมรรถนะที่ไม่ได้น้อยหน้าไปกว่ากันเท่าไหร่นัก ดีไซน์ของรถแต่ละรุ่นก็มีเสน่ห์แตกต่างกันไป ก็อยู่ที่ผู้ขับขี่ว่าจะชอบแนวไหน แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดเลยก็คือขุมพลังเครื่องยนต์ก็ไม่ได้แตกต่างกันเลย ความแรงของรถเหล่านี้สามารถเทียบชั้นกับรถราคา 8 หลักได้สบาย ๆ และนอกจากนี้เรื่องบริการหลังการขายก็ขาดไม่ได้ ข้อดีของ 5 รุ่นรถข้างต้นนี้ก็คือมีศูนย์บริการใกล้บ้านมากมาย ไม่ต้องกังวลว่าหากรถเสียหรือมีปัญหากวนใจใด ๆ แล้วจะหาศูนย์บริการไม่อีกต่อไป อะไหล่ก็หาง่าย ไม่แพงเกินความจำเป็น ส่งซ่อมเมื่อไหร่ก็มีอะไหล่พร้อมสแตนบายตลอด จึงสามารถขับขี่ได้อย่างสบายใจหายห่วง สามารถติดตามบทความเพิ่มเติมได้ ที่นี่..