ในภาวะเศรษฐกิจฝืดเคืองเช่นในปัจจุบัน แน่นอนว่าหนึ่งปัญหาที่หลายคนกำลังเผชิญนั้นคงหนีไม่พ้นเรื่องเงินทอง โดยเฉพาะกลุ่มคนทำงานออฟฟิศที่มีรายได้จากการทำงานประจำเพียงทางเดียว อีกทั้งส่วนใหญ่ยังมีจำนวนที่ตายตัวแน่นอน ดังนั้นเมื่อสินค้าและบริการปรับตัวสูงขึ้นตามกลไกตลาด ทำให้หลายคน หมุนเงิน ไม่ทัน เงินเดือนไม่เพียงต่อการใช้จ่าย หรือบางคนต้องถึงขั้นหยิบยืมหรือกู้เงินคนอื่นมาใช้จ่าย ซึ่งหากเป็นคนที่ไม่มีวินัยทางการเงินอาจทำให้หนี้สินที่หยิบยืมมาพอกพูนจนใช้กันไม่จบสิ้นแน่นอน ดังนั้นวันนี้เราจึงมี 20 อันดับ วิธี หมุนเงิน มาฝากชาวออฟฟิศ พร้อมข้อดีข้อเสียของแต่ละวิธีมาฝาก รับรองว่าคราวนี้ไม่มีคำว่าชักหน้าไม่ถึงหลังอย่างแน่นอน
♦ หาเงินให้พอดีกับรายจ่าย ♦
สำหรับวิธีนี้ถือว่าเป็นการใช้เงินขั้นพื้นฐาน เรียกได้ว่าหาเงินได้แค่ไหนก็ใช้เท่านั้น โดยต้องกำหนดค่าใช้จ่ายตลอดทั้งเดือนไม่ให้เกินกว่าจำนวนเงินเดือนที่ได้รับ
ข้อดี : ไม่เป็นหนี้
ข้อเสีย : แน่นอนว่าหามีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมนอกเหนือจากค่าใช้จ่ายรายเดือนได้เลย รวมทั้งยังไม่สามารถซื้อความสะดวกสบายได้ยาก เช่น รถยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้า ทริปท่องเที่ยว เป็นต้น
♦ พยายามหารายได้เสริม ♦
เมื่อรายได้ไม่เพียงพอกับรายจ่าย การหารายได้เสริมคือ วิธีการแก้ปัญหาที่ดีที่สุดสำหรับหลายคน ซึ่งด้วยความเจริญก้าวหน้าของเทคโนโลยีในสมัยนี้ทำให้ชาวออฟฟิศสามารถหารายได้เสริมควบคู่ไปกับการทำงานประจำ ด้วยการขายของหรือบริการต่าง ๆ ผ่านช่องทางออนไลน์ได้ง่ายขึ้น ไม่ว่าจะเป็น ขายเสื้อผ้า ขายอาหารกล่อง ขายขนม รับจ้างสอนพิเศษ รับจ้างทำงานประดิษฐ์
ข้อดี : ของการหาได้รายเสริมแน่นอนว่านอกจากจะมีเงินใช้จ่ายเหลือเฟื้อแล้ว ยังมีโอกาสเก็บเงินได้ง่ายกว่า ทีเงินเหลือสำรองไว้ยามฉุกเฉินอีกด้วย
ข้อเสีย : ทำให้รู้สึกเหนื่อยและถ้าจัดสรรเวลาไม่ดีอาจกระทบกับงานประจำที่ทำได้
♦ ขยันทำโอทีเข้าไว้ ♦
สำหรับชาวออฟฟิศส่วนใหญ่การทำโอทีถือว่าเป็นอีกหนึ่งทางรอด
ข้อดี : การทำโอทีคือ ค่าตอบแทนที่ได้รับเพิ่มเติมจากเงินเดือน ซึ่งจะได้มากหรือน้อยนั้นก็ขึ้นอยู่กับความขยันของแต่ละคน
ข้อเสีย : หนีไม่พ้น ไม่มีเวลาให้ครอบครัวหรือแม้กระทั่งหาความสุขให้ตัวเอง
♦ ขยันทำยอดขายเพื่อค่าคอมมิชชั่นที่มากขึ้น ♦
สำหรับวิธีนี้อาจใช้ได้กับพนักงานขายที่ต้องออกไปพบปะลูกค้าและได้เปอร์เซ็นต์จากการขายสินค้าหรือบริการของบริษัท
ข้อดี : หากขยันออกไปหาลูกค้ามากขึ้นก็จะทำให้ขายได้มากขึ้นตามไปด้วย ซึ่งผลพลอยได้คือ คอนเน็กชั่นของลูกค้าและความก้าวหน้าในตำแหน่งหน้าที่การงาน
ข้อเสีย : อาจทำให้ไม่มีเวลาอยู่กับครอบครัวได้ เพราะต้องเดินทางอยู่ตลอดเวลา
♦ ตัดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นออกให้หมด ♦
ถ้าเงินไม่พอใช้ หมุนเงิน ไม่ทัน แน่นอนว่าสิ่งแรกที่ชาวออฟฟิศควรทำมากที่สุดคือ พยายามใช้เงินให้น้อยกว่าเงินเดือน เพื่อให้พอกับรายได้ต่อเดือน ตัดรายจ่ายที่ไม่จำเป็นออกไปให้หมด เช่น จากที่นั่งแท็กซี่ทุกวันก็เปลี่ยนเป็นใช้บริการในวันที่รีบเท่านั้นหรือปกติต้องไปสระผมที่ร้านก็เปลี่ยนเป็นสระด้วยตัวเองหรือเข้าร้านเสริมสวยเฉพาะเมื่อจำเป็นเท่านั้น เป็นต้น โดยแนะนำให้ทำรายรับรายจ่ายเพื่อตรวจสอบค่าใช้จ่ายส่วนเกิน สำหรับข้อดี : ช่วยตัดรายจ่ายที่ไม่จำเป็นออก ทำให้เหลือเงินส่วนนั้นไปใช้จ่ายในส่วนอื่น ๆ
ข้อเสีย : บางคนทำได้ยากเพราะสังคมรอบข้าง ยิ่งหากสนิทสนมกับเพื่อนร่วมงานมากก็อาจหลีกเลี่ยงคำเชิญชวนได้ยาก
♦ หยุดคิดสักนิดก่อนซื้อของไม่จำเป็น ♦
อีกหนึ่งวิธีประหยัดเงินในกระเป๋าที่ดีที่สุดสำหรับคนออฟฟิศ เพราะปัญหาการเงินของหลายคนมักเริ่มต้นมาจากการใช้เงินมือเติบ เห็นอะไรก็อยากซื้อ เห็นอะไรก็อยากได้ไปหมด โดยเฉพาะของฟุ่มเฟื่อยอย่าง กระเป๋า รองเท้า เสื้อผ้า เครื่องสำอาง ยิ่งตอนนี้มีวิธีการช๊อปปิ้งออนไลน์ ชำระเงินผ่านอินเตอร์เน็ตแบงค์กิ้ง ยิ่งทำให้เงินลอยออกจากกระเป๋าได้ง่ายขึ้น เพราะฉะนั้นก่อนซื้อหยุดคิดสักนิดว่าเป็นสิ่งของจำเป็นหรือไม่
ข้อดี : ของวิธีนี้ก็คือ มีเงินเหลือเก็บแน่นอน
ข้อเสีย : แน่นอนว่าไม่ได้ของที่ตัวเองต้องการ
♦ เข้าร้านบุฟเฟต์ให้น้อยลง ♦
ร้านบุฟเฟต์ถือว่าเป็นช่องทางการเสียเงินที่หลายคนไม่รู้ตัว เพราะร้านอาหารสไตล์นี้นิยมออกโปรโมชั่นมาดึงดูดผู้บริโภคให้เข้ามาเสียเงินได้ง่าย ๆ ทั้งโปรโมชั่นลดราคา อัพเกรดเมนูในราคาเท่าเดิม มา 2 จ่าย 1 มา 4 จ่าย 3 แล้วมีหรือที่ชาวออฟฟิศจะไม่ชักชวนกันไปลิ้มลอง รู้ตัวอีกทีรวม ๆ แล้วอาจเสียเงินหลายพันบาทต่อ
ข้อดี : ของการงดเข้าร้านบุฟเฟต์นั้นนอกจากมีเงินเหลือใช้แล้ว ยังเป็นการลดน้ำหนักได้เป็นอย่างดีอีกด้วย
ข้อเสีย : คงหนีไม่พ้นการเรื่องหลีกเลี่ยงคำชวนได้ยาก ยิ่งใครมีเพื่อนเยอะด้วยแล้ว บอกเลยว่าอาจต้องใจแข็งสักหน่อย
♦ งดการซื้อของสะสม ♦
การซื้อของสะสมนับเป็นอีกหนึ่งเรื่องที่หลายคนสามารถควักเงินออกจากกระเป๋าง่าย ๆ โดยไม่คิดมาก พร้อมทั้งบอกตัวเองว่าเป็นความสุขทางใจ แต่ถ้าลองคำนวณดี ๆ การซื้อของสะสม เช่น หนังสือ ตุ๊กตา เครื่องเรือน จานชาม โมเดล นั้นเป็นเสียเงินโดยเปล่าประโยชน์ เพราะซื้อมาแล้วไม่ได้ใช้งาน บางคนไม่หยิบจับมาชื่นชมเลยสักครั้ง
ข้อดี : ช่วยประหยัดค่าใช้จ่าย
ข้อเสีย : ผลเสียที่ตามมา เนื่องจากของสะสมบ้างชิ้นอาจไม่สามารถซื้อหาได้อีกหรือมีราคาสูงขึ้น
♦ พักโครงการซื้อบ้านหรือคอนโดมิเนียมไว้ก่อน ♦
แม้ว่าบ้านจะเป็นสิ่งที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตของหลายคน แต่ก่อนตัดสินใจซื้อบ้าน ซึ่งต้องถือว่าเป็นทรัพย์สินชิ้นใหญ่ที่มีของทุกคน มีราคาแพงหลักล้านหรือ แน่นอนว่าถึงแม้ตอนนี้จะไม่ต้องใช้เงินก้อนใหญ่ แต่ชาวออฟฟิศส่วนใหญ่ต้องกู้เงินจากธนาคารและต้องผ่อนชำระหนี้เป็นรายเดือน ซึ่งหากเงินเดือนน้อยอยู่แล้วก็อาจทำให้ไม่เพียงพอต่อการใช้จ่าย เพราะฉะนั้นควรรอเวลาให้เงินเดือนขึ้นหรือเก็บเงินก้อนใหญ่ได้ก่อน
ข้อดี : การพักโครงการซื้อบ้านคือ ไม่สร้างหนี้ในระยะยาว
ข้อเสีย : อาจต้องเช่าบ้านหรือหอพักที่มีพื้นที่และความสะดวกน้อยกว่าบ้าน
♦ หยุดคิดก่อนตัดสินใจซื้อรถ ♦
อีกหนึ่งของชิ้นใหญ่ที่ถึงแม้จะมีราคาแพงไม่เท่าบ้าน แต่บอกเลยว่าทรัพย์สินชิ้นนี้มีดอกเบี้ยต่อเดือนแพงกว่ามาก แถมราคายังมีแต่ลดกับลดตามอายุการใช้งาน ไม่มีเพิ่มเหมือนบ้าน เพราะฉะนั้นหากยังไม่พร้อมก็ไม่ควรรีบร้อนซื้อหามาใช้งาน
ข้อดี : ทำให้ไม่ต้องแบกรับค่าผ่อนชำระรายเดือน ค่าน้ำมัน รวมทั้งค่าดูแลรักษาอีกด้วย ส่วนข้อเสีย : คงหนีไม่พ้นเรื่องความสะดวกสบายและต้องใช้รถเมล์สาธารณะในการเดินทางแทน
♦ พักแพลนบางอย่างในชีวิต ♦
แพลนที่ว่านั้นก็หนีไม่พ้นการรีโนเวทบ้าน การจัดงานแต่ง การอุปสมบท เรียนต่อ เพราะหากมองกันดี ๆ จะพบว่าแพลนเหล่านี้ล้วนแต่ต้องใช้เงินเป็นจำนวนมากในการดำเนินการ น้อยที่สุดยังไงต้องเกินหลักแสนบาทแน่นอน
ข้อดี : ทำให้เวลาในการทำงานหายไปอีกด้วย ซึ่งหากมีเงินเก็บเงินออมเพียงพอก็คงไม่เป็นไร แต่สำหรับคนที่ไม่มีเงินเก็บเลยหรือกู้เงินมาเพื่อทำตามแพลนที่วางไว้ บอกเลยว่าทางที่ดีควรหยุดพักไปก่อนและรอเวลาที่เหมาะสม ข้อดีคือ ไม่ทำให้ค่าใช้จ่ายต่อเดือนเพิ่มขึ้น
ข้อเสีย : อาจต้องปรับแผนชีวิตใหม่ทั้งหมด
♦ หยุดเที่ยวสักพัก ♦
อีกหนึ่งเรื่องที่หลายคนสามารถควักเงินออกจากกระเป๋าได้อย่างง่ายดาย
ข้อดี : ถ้ามีเงินเก็บเหลือกินเหลือใช้ก็คงไม่เป็นไร ไปเที่ยวในประเทศหรือต่างประเทศก็ไม่เดือนร้อนใคร แต่ถ้าเงินขาดมือก็ควรหยุดเที่ยวเพื่อเก็บเงินส่วนนี้ไว้เป็นค่าใช้จ่ายที่จำเป็น
ข้อเสีย : ชาวออฟฟิศย่อมยากที่จะปฏิเสธเพื่อนร่วมงานที่นิยมร่วมกลุ่มกันไปท่องเที่ยว
♦ กู้เงินออมของตัวเองมาใช้จ่ายชั่วคราว ♦
สำหรับวิธีนี้อาจใช้ได้เฉพาะกับคนที่มีเงินเก็บเงินออม แต่ต้องย้ำเตือนตัวเองเสมอว่าเป็นการแค่การยืมเงินออกมาใช้เท่านั้น เมื่อเงินเดือนออกต้องนำมาใส่คืนจำนวนเท่าเดิม
ข้อดี : ไม่ต้องเสียดอกเบี้ย แต่ต้องมีวินัยอย่างมาก
ข้อเสีย :ถ้าขาดวินัยไม่นำเงินมาใส่คืนเงินออมของตัวเอง รับรองเลยว่าสักวันหนึ่งเงินก้อนนี้ต้องหมดไปอย่างแน่นอน
♦ จากคนในครอบครัว ♦
เมื่อไม่มีทางออกในเรื่องการเงิน การหยิบยืมเงินคนในครอบนั้นถือว่าเป็นเรื่องที่หลายคนชอบทำ
ข้อดี : คุยกันง่ายไม่ต้องเสียดอกเบี้ย ไม่มีกำหนดชำระที่แน่นอน ทำให้ หมุนเงิน ได้โดยไม่ติดขัด
ข้อเสีย :อาจทำให้ตัวเองดูเป็นคนที่ขาดวินัยทางการเงินในสายตาคนในครอบครัว
♦ หยิบยืมจากเพื่อน ♦
สำหรับวิธีนี้อาจใช้ได้กับชาวออฟฟิศที่มีกัลยาณมิตรที่มีสภาพคล่องทางการเงินสูงเท่านั้น
ข้อดี : ส่วนใหญ่มักไม่คิดดอกเบี้ย แต่ถ้าหากเพื่อนเองก็ยังชักหน้าไม่ถึงหลังเหมือนกัน
ข้อเสีย : การที่ขอหยิบยืมเงินจากเพื่อนเป็นการสร้างความลำบากใจให้กับอีกฝ่ายหรืออาจส่งผลเสียให้ผิดใจจนมองหน้ากันไม่ติด แต่ถึงอย่างนั้นก็ควรคืนเงินเพื่อนให้ตรงเวลาตามที่รับปากไว้ เพราะถ้าผิดคำพูดก็อาจทำให้เสียเพื่อนดี ๆ ได้
♦ ใช้บัตรเครดิตแทนเงินสด ♦
เป็นอีกหนึ่งทางเลือกยอดนิยมของชาวออฟฟิศ เพราะเชื่อว่าทุกคนมีบัตรเครดิตอย่างน้อยคนละหนึ่งใบอย่างแน่นอน ดังนั้นถ้าเหลือเงินสดติดกระเป๋าไม่มากบัตรเครดิตก็ถือว่าเป็นทางออกที่ดียามจำเป็น
ข้อดี : ช่วยลดการใช้เงินสด ในกระเป๋า
ข้อเสีย : มีกำหนดขั้นต่ำในการใช้บัตรเครดิตและต้องมีวินัยทางการเงินค่อนข้างเมื่อถึงเวลาควรชำระวงเงินให้หมด ไม่เช่นนั้นต้องเสียดอกเบี้ยเป็นจำนวนมาก
♦ กู้หนี้ในระบบดอกเบี้ยต่ำ ♦
ต้องถือว่าเป็นเรื่องที่โชคดีของคนสมัยนี้ที่มีธนาคาร สถาบันการเงิน สหกรณ์ และกองทุนบริษัทให้เข้าไปใช้บริการมากมาย
ข้อดี : เสียดอดเบี้ย ได้เงินก้อนใหญ่มาใช้ ผ่อนชำระต่อเดือนน้อย
ข้อเสีย : เห็นได้อย่างชัดเจนคือใช้เวลาผ่อนชำระหลายปี
♦ กดเงินจากบัตรเครดิตมาใช้จ่ายชั่วคราว ♦
การกดเงินจากบัตรเงินเป็นอีกหนึ่งวิธียอดนิยมที่ชาวออฟฟิศเลือกใช้ยามเงินขาดมือ
ข้อดี : วิธีนี้ก็หนีไม่พ้นความสะดวกสบาย เพราะสามารถนำบัตรไปกดเงินสดจากตู้เอทีเอ็มได้ทุกเมื่อที่ต้องการ นอกจากนั้นยังไม่เอ่ยปากขอยืมจากใครอีกด้วย
ข้อเสีย : ต้องรับให้ได้คือ ดอกเบี้ยประมาณ 20-28 เปอร์เซ็นต์ต่อปี ค่าธรรมเนียมการใช้วงเงิน ซึ่งหากบ้างคนที่ขาดวินัยในการผ่อนชำระอาจทำให้หนี้ก้อนนี้พอกพูนจนใช้กันรู้จบ
♦ รีไฟแนนซ์เพื่อลดยอดชำระหนี้ต่อเดือน ♦
การรีไฟแนนซ์นับว่าเป็นทางออกที่ดีของคนที่เป็นหนี้อยู่แล้วอยากลดรายจ่ายต่อเดือนให้น้อยลง
ข้อดี : ทำให้เหลือเงินไปใช้ในส่วนอื่นมากขึ้น
ข้อเสีย : ต้องจัดการเรื่องเอกสารเหมือนเดินเรื่องกู้เงินใหม่ทำให้เสียเวลา นอกจากนั้นยังเป็นการยืดอายุหนีออกไปด้วย
♦ กู้เงินนอกระบบ ♦
สำหรับวิธี หมุนเงิน แนะนำให้เป็นทางเลือกสุดท้าย
ข้อดี : ปล่อยกู้ง่ายกว่าเงินกู้ในระบบ
ข้อเสีย : ดอกเบี้ยที่สูงมากประมาณ ร้อยละ 10-20 ต่อเดือน นอกจากนั้นหากขาดส่งดอกเบี้ยหรือไม่ชำระเงินต้นตามสัญญาอาจถูกรังควานจากเจ้าหนี้ เสี่ยงทั้งเรื่องความปลอดภัยและยังทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียงอีกด้วย
เป็นอย่างไรบ้างสำหรับ 20 อันดับ วิธี หมุนเงิน ที่ชาวออฟฟิศควรรู้ก่อนชักหน้าไม่ถึงหลังที่เรานำมาฝาก ซึ่งแต่ละวิธีนั้นล้วนแล้วแต่มีข้อดีข้อเสียแตกต่างกันไป ดังนั้นจึงควรคิดทุกครั้งก่อนใช้เงินและควรวางแผนการใช้เงินอย่างเป็นระบบ รวมทั้งแบ่งส่วนหนึ่งเก็บไว้เป็นเงินออม เพียงเท่านี้ก็ช่วยให้การเงินของชาวออฟฟิศไม่มีปัญหาและคล่องตัวมากยิ่งขึ้น สามารถติดตามบทความเพิ่มเติมได้ ที่นี่..