รถยนต์ คือทรัพย์สินที่มีค่าชนิดหนึ่งที่ผู้เป็นเจ้าของจะต้องคอยดูแลรักษาให้เป็นอย่างดี มิเช่นนั้นแล้วจะส่งผลให้เกิดความเสียหายจนไม่สามารถแก้ไขให้กลับมาใช้ได้ดีดังเดิม เจ้าของรถยนต์ทุกคนจะต้องมี Book Service ประจำรถเพื่อใช้ในการเข้ารับการซ่อมบำรุงตามระยะทาง เช่น น้ำมันเครื่อง ไส้กรองน้ำมัน เช็คลมยาง ถ่วงล้อ หรือแม้แต่ไส้กรองอากาศ ที่มีความจำเป็นที่จะต้องเข้ารับการซ่อมบำรุงและเปลี่ยนอะไหล่เมื่อถึงคราวจำเป็น สิ่งสำคัญที่เปรียบเสมือนระบบหายใจของมนุษย์สำหรับรถยนต์คือ ไส้กรองอากาศ แม้จะดูเหมือนไม่ค่อยน่าใส่ใจแต่ต้องให้เปลี่ยนความคิดนั้นเสียใหม่ เพราะไส้กรองที่เปรียบเสมือนระบบหายใจของของมนุษย์นั้น หากมีปัญหาจะนำมาซึ่งความปวดเศียรเวียนเกล้า โดยเฉพาะอาการสะอึกในรถยนต์หรือเกิดอาการรถกระตุกและอีกสาเหตุคืออาการเร่งไม่ค่อยขึ้น คล้าย ๆ กับคนเราที่อยู่ท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่มีแต่ฝุ่นควันทำให้หายใจไม่ออก รถยนต์ก็เช่นเดียวกันหากไส้กรองมีฝุ่นจับในปริมาณที่มาก จะทำให้รถยนต์ไม่สามารถที่จะเร่งเครื่องได้เต็มกำลังและทำให้สิ้นเปลืองน้ำมันโดยใช่เหตุ จึงจำเป็นที่จะต้องดูแลรักษาอุปกรณ์ชนิดนี้กันบ้าง ก่อนอื่นไปทำความรู้จักกับไส้กรองกันดีกว่าว่ามีกี่ประเภทและแต่ละประเภทมีคุณสมบัติอย่างไร
โดยปกติในการทำงานของเครื่องยนต์มีความจำเป็นที่จะต้องใช้อากาศเข้าไปช่วยในการเผาไหม้ภายในเครื่องยนต์ หากได้อากาศที่สะอาดเข้าไปก็จะช่วยให้เครื่องยนต์ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีอัตราเร่งที่ดีใช้พลังงานเชื้อเพลิงได้อย่างคุ้มค่าที่สุด แล้วไส้กรองแบบไหนที่เหมาะกับรถของคุณล่ะ มาดูกันเลยดีกว่า
- ไส้กรองแบบแห้ง โดยปกติรถยนต์ใหม่ที่ออกจากศูนย์ส่วนมากจะใช้ไส้กรองแบบแห้ง ซึ่งทำมาจากใยสังเคราะห์หรือเส้นใยขนสัตว์ เมื่อใช้งานแล้วส่วนใหญ่จะทิ้งแต่สามารถนำมาเป่าลมเพื่อทำความสะอาดได้ก่อนครบระยะทางที่กำหนด โดยหลักแล้วจะมีอายุการใช้งานตามระยะทาง 5,000 – 10,000 กิโลเมตรหรือตามสภาพของความสกปรกที่สะสมอยู่ไส้กรองชนิดนี้ส่วนมากจะติดมากับรถยนต์ เนื่องจากมีราคาถูก
- ไส้กรองแบบเปียกหรือไส้กรองแบบน้ำมัน การทำงานจะใช้น้ำมันที่เคลือบบนไส้กรองเป็นตัวดักจับฝุ่น จะใช้มากในรถยนต์รุ่นเก่า ๆ ลักษณะไส้กรองคล้ายแบบแห้ง เพียงแต่มีน้ำมันเคลือบในไส้กรองอีกที เมื่อฝุ่นเข้าไปในหม้อกรองก็จะโดนน้ำมันนี้ดักจับและไม่เป็นที่นิยมมากนัก เพราะไม่สามารถทำความสะอาดได้เป็นแบบใช้แล้วทิ้ง
- ไส้กรองชนิดพิเศษ คือไส้กรองที่มีการเคลือบสารเคมีเพื่อช่วยให้การดักจับฝุ่นได้ดียิ่งขึ้น ส่วนใหญ่ใช้กับรถที่มีการแต่งเครื่องหรือโมดิฟายเครื่องยนต์ เพื่อต้องการอากาศที่สะอาดที่สุดให้เข้าไปช่วยในการเผาไหม้ให้เครื่องสามารถเร่งความเร็วได้แรงและเร็วขึ้น อีกทั้งสามารถนำมาล้างทำความสะอาดได้
ไส้กรองอากาศ รถยนต์เมื่อใช้ไปได้สักระยะก็จะมีฝุ่นเข้าไปอุดตัน บางคนไม่รู้ว่ามีอาการอย่างไร โดยเฉพาะผู้หญิงที่อาจไม่มีพื้นฐานในการดูแลรักษารถยนต์ วิธีสังเกตเหล่านี้ช่วยคุณได้
- อาการเร่งไม่ขึ้น เป็นอาการเริ่มแรกที่คนขับรถจะสังเกตได้ เพราะมีการใช้งานรถยนต์อยู่เป็นประจำทุกวัน นั่นคือเร่งไม่ขึ้น เนื่องจากปริมาณฝุ่นเข้าไปสะสมในไส้กรองมีมาก ทำให้อากาศไม่สามารถเข้าไปในเครื่องยนต์ได้เต็มที่เมื่อมีการเร่งเครื่องเพื่อทำความเร็ว ก็จะเร่งไม่ค่อยขึ้นหรือเหยียบคันเร่งแล้วเครื่องยนต์คำรามเสียงดังแต่ความเร็วรถไม่สัมพันธ์กับเสียงเครื่องยนต์
- เกิดอาการสะอึกหรือเครื่องกระตุก เมื่อไส้กรองมีการอุดตันที่มากขึ้น ทำให้ไม่มีอากาศเข้าไปช่วยในการจุดระเบิดและเผาไหม้ จึงทำให้เกิดอาการเครื่องยนต์กระตุกเพราะอากาศไม่เพียงพอนั่นเอง
- การใช้น้ำมันต่อระยะทางลดลง โดยปกติที่รถยนต์มีการใช้งานอัตราน้ำมัน 1 ลิตร สามารถวิ่งด้วยความเร็วคงที่ได้ระยะทาง 15 กิโลเมตร แต่เมื่อไส้กรองตันก็จะทำให้อัตราการใช้น้ำมันเปลี่ยนไป คือ 1 ลิตร อาจทำให้ระยะที่ใช้ได้อยู่ที่ 10-12 กิโลเมตร หรือมีการใช้น้ำมันเท่าเดิมแต่ได้ระยะทางที่น้อยลง ทำให้เปลืองน้ำมันและค่าใช้จ่ายนั่นเอง
- ไฟสัญญาณเตือน เมื่อระบบการเผาไหม้ของเครื่องยนต์มีปัญหา อัตราการสิ้นเปลืองแย่ลงก็สามารถส่งผลให้ระบบการทำงานของเครื่องยนต์ที่เป็นระบบอิเล็กทรอนิกส์เกิดสัญญาณรวนและไฟแจ้งเตือนต่าง ๆ แสดงขึ้นมาได้
เมื่อมีความต้องการที่จะใช้งานรถยนต์ เจ้าของรถก็ต้องรู้จักวิธีการรักษารถยนต์ในเบื้องต้นได้ เพื่อจะได้ประหยัดค่าใช้จ่ายในการบำรุงดูแลรักษารถที่ท่านรัก อย่างในกรณีการทำความสะอาดไส้กรองรถยนต์ซึ่งสามารถที่จะตรวจสอบและทำความสะอาดได้เอง เพียงแค่เปิดฝากระโปร่งรถตามคู่มือรถยนต์ แล้วหาหม้อกรองอากาศทำการถอดฝา จากนั้นนำไส้กรองออกมาทำความสะอาดด้วยวิธีการเป่าลมหรือเคาะเพื่อให้ฝุ่นที่เกาะในไส้กรองได้หลุดออ แล้วจึงใส่กลับเข้าไปดังเดิม ในกรณีที่ไส้กรองสกปรกมากก็สามารถจะหาซื้ออะไหล่ที่ตรงรุ่นมาเปลี่ยนเองได้เลย เป็นวิธีง่าย ๆ ในการดูแลทำความสะอาดไส้กรองอากาศ
รถยนต์อันเป็นที่รักของใครหลายคน เพื่อให้การขับขี่เป็นไปอย่างสมบูรณ์ที่สุด จึงมีความจำเป็นอย่างมากที่ผู้ใช้รถจะต้องคอยหมั่นสังเกตอาการต่าง ๆ ของรถที่ดูผิดปกติไปจากเดิม อย่างเช่น ไส้กรองอากาศ ที่อุดตัน ไม่สะอาด สามารถสังเกตจากการฟังเสียงเครื่องยนต์ ถอดทำความสะอาดอย่างสม่ำเสมอเพื่อให้รถคงสภาพการใช้งานเหมือนใหม่อยู่เสมอ สามารถติดตามบทความเพิ่มเติมได้ ที่นี่..
