Transportation ระบบการขนส่ง

Transportation มีมากกว่าแค่การขนส่ง

ในปัจจุบันโลกแห่งการขนส่งเป็นโลกที่ไร้พรมแดน สินค้าจากทั่วทุกมุมโลกสามารถเคลื่อนย้าย ถ่ายเทไปได้ทุกที่ไม่ว่าจะอยู่ไกลแค่ไหน การขนส่งสามารถทำได้ทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นทางบก ทางเรือและทางอากาศ หากไร้ซึ่งการขนส่งแล้วคงจะเกิดความโกลาหลไม่ใช่น้อย ซึ่งในต่างประเทศศัพท์ที่ใช้เรียกการขนส่งคือ Transportation ซึ่งความหมายที่แท้จริงมันมีมากกว่าแค่คำว่าขนส่งเสียอีก เพื่อให้เข้าใจความหมายที่ดีขึ้นลองไปติดตามดูพร้อม ๆ กันได้ดังนี้

ความหมาย

Transportation คือ ระบบการขนส่ง ไม่ว่าจะส่งทางบก ทางเรือ หรือทางอากาศ ส่วนที่จะส่งสามารถให้ความหมายเป็นการเคลื่อนที่ของคน, สัตว์, สิ่งของ จากที่แห่งหนึ่งไปยังอีกแห่งหนึ่ง ด้วยยานพาหนะที่เหมาะสมตามการใช้งาน หากเป็นในอดีตพาหนะที่ใช้ในการขนส่งก็จะมีแค่ทางบก เช่น รถม้า รถไฟ ทางน้ำก็จะมีเรือสำเภาขนาดใหญ่ แต่ปัจจุบันมีเพิ่มเติมเป็นทางอากาศที่ให้ความสะดวกและรวดเร็ว ซึ่งระบบการขนส่งในปัจจุบันนั้นมีความสำคัญมาก ๆ เพราะนอกจากจะหมายถึงการส่งสินค้าสำหรับบุคคลธรรมดา ยังหมายรวมถึงการแลกเปลี่ยนสินค้าระหว่างประเทศนั้นอีกด้วย ทั้งการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม ก็ต้องอาศัยยานพาหนะในการเดินทางเคลื่อนย้ายกลุ่มคนที่จะไปทำการแสดงแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมในแต่ละประเทศ และคำว่า Transportation มีความหมายที่คล้ายกันกับ Logistics แต่ในความหมายลึก ๆ แล้วแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

ประเภทการขนส่ง

เมื่อเข้าใจความหมายของ เบื้องต้นแล้วก็มาดูความหมายที่มีรายละเอียดมากขึ้นกว่าเดิมโดยแยกตามประเภทของการส่งว่าระบบใดทำไมถึงทำให้การส่งสินค้าก้าวหน้าไปไกลมากขึ้นกว่าในอดีตที่ผ่านมา

1. การขนส่งทางบก – เป็นการขนส่งที่ได้รับความนิยมสูงสุดตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันเพราะเป็นการขนส่งถึงตัวผู้รับโดยตรง โดยเฉพาะการขนส่งในประเทศ ทั้งขนาดหนักและขนาดเบาตามประเภทของรถที่จะนำมาใช้ขนส่ง เช่น

  • ทางรถยนต์ โดยส่วนมากจะใช้รถบรรทุกหนักสำหรับการขนสินค้าขนาดใหญ่และรถกระบะจะใช้ขนสินค้าที่ขนาดไม่เกิน 1-2 ตัน เช่น พืชผลทางการเกษตร ซึ่งการขนส่งทางบกถือเป็นหัวใจหลักของการขนส่งก็ไม่ ผิดนัก เพราะเป็นการขนส่งที่ถึงมือผู้บริโภคหรือผู้รับได้โดยตรง
  • ทางรถไฟ เป็นการขนส่งที่ใช้ระยะทางไกล ๆ และรับน้ำหนักได้มาก เหมาะสำหรับการขนหิน ทรายที่มีระยะทางไกลในสมัยอดีตที่ผ่านมา ปัจจุบันก็ยังมีให้เห็นอยู่บ้าง แต่ประยุกต์ใช้เป็นการบรรทุกน้ำมัน ซึ่งการ          ขนส่งประเภทนี้จะมีราคาถูกและไม่มีปัญหาเรื่องการจราจรที่ติดขัดอีกด้วย

2. การขนส่งทางน้ำ – เป็นการขนส่งที่มีมานาน เนื่องจากในอดีต หากมีการค้าขายระหว่างประเทศก็จะใช้บริการเรือสำเภาขนาดใหญ่ ในการบรรทุกสินค้าไปขายให้กับต่างประเทศ เพราะเรือสามารถบรรทุกน้ำหนักได้มาก แม้แต่ในปัจจุบันก็ยังได้รับความนิยมอย่างสูง ดังจะเห็นได้จากการบรรทุกเครื่องบินขนาดใหญ่ ชิ้นส่วนเครื่องจักรที่มีน้ำหนักมาก หรือแม้แต่การขนทรายจากภาคเหนือตอนล่างลงมาภาคกลางในแม่น้ำเจ้าพระยา ที่มีราคาค่อนข้างถูก เพราะการขนส่งในแม่น้ำอาศัยหลักของการไหลของน้ำจากที่ราบสูงลงสู่ที่ต่ำ ทำให้ประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงและค่าใช้จ่ายอื่นอีกด้วย

3. การขนส่งทางอากาศ – เป็นการขนส่งรูปแบบใหม่ที่เริ่มได้ไม่นานหลังจากที่มีการผลิตเครื่องบินขนส่งขนาดใหญ่ได้ การขนส่งทางอากาศสามารถส่งสินค้าได้รวดเร็วที่สุด แต่มีค่าใช้จ่ายแพงที่สุดและมีข้อจำกัดในเรื่องของน้ำหนักสินค้า เพราะการขนส่งทางเครื่องบินเป็นการซื้อเวลามากกว่าเป็นการเน้นที่การขนส่งอย่างเดียว เช่น ในกรณีที่ลูกค้าต้องการสินค้าชนิดนั้นอย่างเร่งด่วนจากปกติที่มีการขนส่งทางเรือระหว่างประเทศ ซึ่งจะใช้เวลานานกว่า 60 วันในการเดินทาง แต่เครื่องบินสามารถเดินทางถึงภายในระยะเวลาไม่เกิน 3 วัน โดยที่ต้องให้ลูกค้ามีส่วนร่วมในการรับผิดชอบค่าบริการขนส่งทางอากาศนี้

4. การขนส่งด้วยคอนเทนเนอร์ – เป็นรูปแบบการขนส่งที่ใหม่โดยรูปแบบการขนส่งจะคล้ายการบรรทุก แต่เป็นลักษณะของตู้สี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ ที่ไม่เหมือนรถบรรทุกก็คือตัวรถไม่มีกระบะหรือคอกกั้นในการบรรทุก หากแต่เป็นเพียงหัวรถเปล่า ที่เวลาจะขนตู้คอนเทนเนอร์ก็เพียงแต่ถอยรถเข้าไปใต้ตู้ที่ทำขาหยั่งไว้ แล้วใส่สลัก ล็อกตู้คอนเทนเนอร์กับตัวรถ จะไม่มีการเปิดตู้ก่อนจะถึงมือผู้รับ เพื่อป้องกันปัญหาการทุจริตและสินค้าโดยขโมยนั่นเอง

5. การขนส่งทางท่อ – การขนส่งประเภทนี้ส่วนใหญ่จะเห็นได้จากแท่นขุดเจาะน้ำมัน หรือโรงกลั่นน้ำมัน เพราะเป็นการขนส่งของเหลวหรือก๊าซต่าง ๆ ทั้งนี้ขึ้นกับประเภทของท่อนั้น ๆ อีกด้วยซึ่งในต่างประเทศนิยมใช้กันเป็นส่วนมากส่วนมาก ประเทศที่ริเริ่มนำระบบท่อมาใช้คือสหรัฐอเมริกาส่วนไทยเองก็เริ่มมีให้เห็นการวางท่อก๊าซธรรมชาติและน้ำมันเชื้อเพลิงเป็นส่วนใหญ่

มาถึงตรงนี้หลาย ๆ คนคงจะเข้าใจเกี่ยวกับ Transportation กันมากขึ้นและได้รับความรู้ที่เป็นประโยชน์ ในยุคนี้หากใครคิดว่าระบบขนส่งนั้นไม่สำคัญ คงได้กลับไปทบทวนเสียใหม่ เพราะมันมีประโยชน์และสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะในประเทศหรือต่างประเทศ เพราะหากไม่มีระบบขนส่งแล้วหลาย ๆ ท่านคงจะเหนื่อยต่อการเดินทางเป็นอย่างมาก ใครจะเชื่อว่าจะสามารถส่งสินค้าจากอีกทวีปหนึ่งไปยังอีกทวีปหนึ่งได้ เท่านี้ก็สามารถรับรู้ถึงความสำคัญของระบบขนส่งที่มีต่อนานาประเทศเพื่อให้เกิดความเจริญก้าวหน้ามาอนาคตได้ สามารถติดตามบทความเพิ่มเติมได้ ที่นี่..

More To Explore

ภาษีรถ
fullmoonparty