ห้องเครื่องรถยนต์ที่หลาย ๆ คนมองข้าม ด้วยเป็นเพราะเป็นส่วนที่ไม่ได้มองเห็นจากภายนอกจนลืมไปว่ามีความสำคัญมาก ไม่เพียงแต่จะมีเครื่องยนต์เท่านั้นที่อยู่ในห้องเครื่อง ยังมีแบตเตอร์รี่ คอมแอร์ หม้อน้ำ กระปุกน้ำฉีดกระจกและระบบไฟต่าง ๆ มากมายที่ส่งลผลต่อการทำงานของเครื่องยนต์ ซึ่งเมื่อเครื่องยนต์เริ่มทำงานอยู่ภายในห้องเครื่องก็จะมีคราบเขม่าของไอน้ำมันหรือมีฝุ่นที่เข้าไปสะสม เมื่อรถผ่านการใช้งานมาสักระยะเจ้าของรถควรหมั่นเปิดดูฝากระโปรงรถดูบ้าง ว่าห้องเครื่องรถยนต์มีความสกปรกแค่ไหน แม้การล้างห้องเครื่องจะไม่จำเป็นที่จะต้องล้างบ่อย ๆ แต่ก็ควรที่จะดูแลรักษาให้สะอาดอยู่เสมอหรือการตรวจเช็คอุปกรณ์ใต้ฝากระโปรงก็มีความสำคัญอย่างมาก ห้ามปล่อยปะละเลยเป็นอันขาด หลายต่อหลายครั้งที่มือใหม่ไม่เคยสำรวจอุปกรณ์และทำความสะอาดใต้ฝากระโปรงรถจนทำให้ “หนู” เข้าไปกัดสายไฟในห้องเครื่องได้
ล้างห้องเครื่อง อย่างไรดี?
ทุกครั้งที่เวลานำรถเข้าศูนย์บริการให้ทำการแจ้งกับเจ้าหน้าที่ประจำศูนย์ว่าเมื่อเช็ครถเสร็จแล้วให้ทำการล้างห้องเครื่องให้ด้วย ซึ่งอาจจะมีค่าใช้จ่ายมากน้อยตามแต่ที่ศูนย์กำหนดหรือให้สอบถามราคาการล้างห้องเครื่องก่อนว่าสมเหตุสมผลหรือไม่ ถ้าราคาแพงมากก็ให้ปฏิเสธการล้างห้องเครื่องไปก่อน แล้วกลับมาหาข้อมูลเพื่อที่จะล้างห้องเครื่องด้วยตนเอง เพราะการล้างห้องเครื่องหากทำถูกวิธีก็ไม่ใช่เรื่องยากเลยหรือบางทีแค่เอาผ้าชุบน้ำเช็ด ๆ ก็สามารถกำจัดฝุ่นได้แล้ว แต่ในสภาพที่สกปรกมากถึงขั้นมีคราบน้ำมันและฝุ่นฝั่งแน่นคงต้องใช้ตัวช่วยอื่น ๆ อีก ว่าแล้วก็ไปดูรายละเอียดและวิธีการทำความสะอาดห้องเครื่องกันเลยดีกว่า
ห้องเครื่องรถยนต์ ล้างบ่อยแค่ไหน
เนื่องจากห้องเครื่องรถยนต์ เป็นศูนย์รวมทุกอย่างไม่เพียงแต่มีเครื่องยนต์เท่านั้นยังมีอุปกรณ์ต่าง ๆ อีกมากมาย ระบบไฟฟ้ารถยนต์ ระบบเครื่องปรับอากาศ แบตเตอร์รี่หากเป็นรถรุ่นใหม่ก็จะมีพวกกล่องควบคุม กล่อง ECU ที่เป็นอุปกรณ์สำคัญชนิดหนึ่งของรถยนต์ ฉะนั้นการที่จะล้างทำความสะอาดบ่อย ๆ คงไม่สามารถทำได้ ให้พิจารณาจากความสกปรกภายในห้องเครื่องจะดีที่สุด
ล้างห้องเครื่องเองต้องทำอย่างไร
จากที่กล่าวเบื้องต้นว่าห้องเครื่องเป็นศูนย์รวมทุกอย่างของรถยนต์ ดังนั้นหากปล่อยไว้ไม่ดูแลรักษาก็จะทำให้เกิดความสกปรกสะสม แต่ถ้าท่านมีเวลาว่างในวันหยุดก็สามารถที่จะทดลอง ล้างห้องเครื่อง เองได้ อย่างน้อยก็จะได้สำรวจรถของตนเองว่าอุปกรณ์ต่าง ๆ มันมีอะไรบ้าง แต่ละอย่างมีชื่อว่าอะไรและทำหน้าที่อย่างไร เวลาเกิดปัญหาจะได้แจ้งช่างได้ถูกต้องและเวลาจะล้างห้องเครื่องจะต้องล้างในขณะเครื่องเย็นเท่านั้น ห้ามล้างหลังจากเครื่องยนต์ทำงานหรือต้องรอให้เครื่องเย็นลงเสียก่อน ส่วนอุปกรณ์ที่จะใช้ในการล้างมีอะไรบ้างที่มือใหม่ต้องเตรียมให้พร้อม
- น้ำยาล้างคราบมันหรือน้ำยาล้างจาน เพื่อขจัดคราบสิ่งสกปรกที่อยู่ภายใต้ฝากระโปรงรถออกให้หมด โดยเฉพาะคราบน้ำมันที่เกาะบริเวณฝาครอบเครื่องและตัวถังรถ หากไม่มีน้ำยาล้างคราบมันามารถใช้น้ำยาล้างจานก็ได้
- น้ำเปล่าที่สะอาด ใช้ล้างทุกชิ้นส่วนในห้องเครื่อง
- ฟิล์มใสถนอมอาหาร อุปกรณ์ชิ้นนี้สำคัญมาก เพราะใช้คลุมชิ้นส่วนหรือขั้วสายไฟ ปลั๊กไฟ ไม่ให้น้ำที่ฉีดล้างกระเด็นเข้าไปทำให้เกิดไฟฟ้าภายในรถลัดวงจร
- ฟองน้ำเก่าและแปรงสีฟันเก่า ใช้สำหรับขัด เช็ด ถู บริเวณที่เป็นคราบสกปรกโดยใช้คู่กับน้ำยาล้างคราบหรือน้ำยาล้างจาน
- ที่เป่าลมหรือ Blower เป็นอุปกรณ์สำคัญที่ใช้สำหรับเป่าน้ำให้แห้ง โดยเฉพาะบริเวณที่มีน้ำขังตามซอกต่าง ๆ ภายในห้องเครื่อง
- น้ำยาไล่ความชื้น เพื่อช่วยไล่ความชื้นหลังจากทำการเช็ดและเป่าลมให้แห้งแล้วอีกทั้งยังสามารถป้องกันสนิมได้อีกด้วย
วิธีการ ล้างห้องเครื่อง อย่างง่าย
- เปิดฝากระโปรงรถ สำรวจหาจุดที่ต้องใช้พลาสติกห่อหุ้มกันน้ำ
- ถอดขั้วแบตเตอร์รี่รถยนต์แล้วใช้พลาสติกห่อรวมถึงชิ้นส่วนต่าง ๆ ที่อาจทำให้เกิดความเสียหายได้
- เมื่อห่อพลาสติกเรียบร้อยแล้ว ให้เริ่มฉีดน้ำเบา ๆ ห้ามฉีดแรง เพราะจะทำให้เกิดความเสียหายเป็นอย่างมาก
- ผสมน้ำยาลงในถังน้ำแล้วเริ่มการขัดทำความสะอาด อย่างระมัดระวัง
- ใช้แปรงช่วยขัดในจุดที่ฟองน้ำเข้าไปไม่ถึง
- ล้างน้ำเปล่าให้สะอาด
- ให้ Bower เป่าลมให้แห้งโดยเฉพาะตามซอกที่เป็นน้ำขังพยายามเป่าออกให้หมด
- หากมีน้ำยาเคลือบพลาสติกก็ใช้ทาเคลือบชิ้นส่วนที่เป็นพลาสติก
- พ่นน้ำยาไล่ความชื้นจุดที่เป็นวงจรไฟฟ้าและระบบจุดระเบิด เป็นขั้นตอนสุดท้าย
- ใส่ขั้วแบตเตอรี่ตามเดิม แล้วทดลองสตาร์ทเครื่องยนต์ ว่าสามารถทำงานได้ปกติหรือไม่
จะเห็นว่าขั้นตอนในการล้างทำความห้องเครื่อง ไม่มีขั้นตอนไหนที่ยากเกินความสามารถที่จะทำด้วยตนเองได้ เพียงแต่ต้องเข้าใจในชิ้นส่วนและอุปกรณ์นั้น ๆ ว่าโดยน้ำได้หรือไม่ รวมถึงการระมัดระวังในขณะล้าง เพียงเท่านี้ก็สามารถที่จะ ล้างห้องเครื่อง ได้ด้วยตัวเองแล้ว หลังจากที่ล้างทำความสะอาดไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วก็พยายามหมั่นคอยเช็ดทำความสะอาดคราบสกปรกต่าง ๆ อยู่เป็นประจำ เพื่อไม่ให้ห้องเครื่องรถยนต์เกิดความสกปรกมาก อีกทั้งเพื่อคอยตรวจสอบสิ่งผิดปกติที่เกิดขึ้นในห้องเครื่องด้วย เช่นน้ำในหม้อน้ำรถยนต์แห้งหรือไม่ น้ำในกระบอกฉีดกระจกลดน้อยลงแค่ไหน มีคราบน้ำมันหรือน้ำมันไหลออกจากฝาสูบเครื่องไหม สายพานหน้าเครื่องเริ่มมีรอยแตกหรือฟันใกล้หมดยัง แม้แต่ระดับน้ำกลั่นในแบตเตอรี่รถอยู่ในระดับใด เพราะหากพบสิ่งผิดปกติจะได้ทำการแก้ไขให้ถูกวิธี ดีกว่าใช้งานรถโดยที่ไม่รู้ว่ารถเป็นอะไร อย่างน้อยก็จะได้รู้และป้องกันไม่ให้รถเสียได้ เพื่อรถที่คุณรักจะได้อยู่กับคุณไปนานๆ สามารถติดตามบทความเพิ่มเติมได้ ที่นี่..